ในที่นี้ใครมีประสบการณ์ ทราบประวัติ หลวงพ่อทองกลึง วัดเจดีย์หอยบ้างครับ ขอเชิญร่วมแชร์ประสบการณ์และความรู้กันครับ:
1. ประวัติความเป็นมา วัดเจดีย์หอย สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยท่านพระครูสุนทร คุณธาดาหรือหลวงพ่อทองกลึง สุนทโรเป็นผู้สร้าง ประวัติของทางวัดก็มีความน่าสนใจมากเพราะเกิดมาจาการที่หลวงพ่อทองกลึง สุนทโรท่าน ได้ไปธุดงค์ที่ประเทศพม่าพบพระอาจารย์ศิลบันตะ ก็ได้ศึกษาวิชาอาคมจนแตกฉานจึงธุดงค์กลับมาที่ถ้ำโอ่งจุก อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่จุดกำเนิดให้ท่านเกิดนิมิตเห็นว่าในสถานที่ ณ ปัจจุบัน เมื่อ 8 ล้านปีเป็นเมืองใหญ่ ชื่อเมืองรัตนาวดี และหลวงพ่อทองกลึง สุนทโรท่านเองก็เป็นเจ้าเมืองครองเมืองอยู่ที่นี่ ท่านจึงเดินทางมาตามนิมิตจนพบ และมีความตั้งใจจะสร้างพื้นดินแห่งนี้ให้เป็นบริเวณอารามวัด ขณะที่กำลังขุดบึงบอเพื่อไว้เป็นที่กักเก็บน้ำ ก็ทำให้มาเจอกับเปลือยหอยนางรมยักษ์ที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นดิน และมีอายุนับพันๆปีจำนวนมหาศาล และท้ายที่สุดก็นำ เปลือยหอยนางรมยักษ์ที่ค้นพบมาสร้างเป็นเจดีย์และให้ชื่อว่า วัดเจดีย์หอย มาจนทุกวันนี้
เจดีย์หอย เจดีย์หอยสร้างจากเปลือกหอยนางรมยักษ์ที่มีอายุราว 8 ล้านปีกองรวมกันก่อเป็นรูปเจดีย์ทรงระฆัง เจดีย์หอยถือเป็นสถาปัตยกรรมที่มี จากการศึกษาทางด้านธรณีวิทยาพบว่าส่วนของกรุงเทพฯและปริมณฑลต่างเคยเป็นทะเลมาก่อน และบริเวณนี้มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์หอยนางรม รวมถึงที่อื่นๆในบริเวณเดียวกัน การสร้างเจดีย์หอยสามารถดึงจิตศรัทธาของประชาชนเข้าวัด เจดีย์หอยมีอยู่ด้วยกันสององค์ องค์แรกมีขนาดเล็กตั้งอยู่หน้าทางเข้าวัด อีกองค์ได้ทรุดโทรมไปจากการเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2554 จึงมีการก่อสร้างใหม่ ปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการบูรณะก่อสร้าง ซึ่งเมื่อเสร็จเจดีย์องค์ใหม่นี้จะมีความสูงถึง 59 เมตร
สระที่ขุดพบเปลือกหอย ที่สระน้ำใหญ่ภายในวัดเจดีย์หอยคือพื้นที่ที่พบเจอซากฟอสซิลของหอยนางรมยักษ์จำนวนมากมาย มีการใช้รถแมคโครขุดลึกลงไปถึงความลึกระดับประมาณ 6-8 ตามข้อมูลการค้นพบสถานที่แห่งนี้ ครั้งเมื่อพระอาจารย์ทองกลึง สุนทโร เมื่ออกธุดงค์ได้เกิดนิมิตระหว่างทาง ให้ท่านไปหาที่สร้างวัดใหม่ขึ้นที่เขตอำเภอลาดหลุมแก้ว สถานที่แห่งนี้มีขุมทรัพย์ แต่ไม่ทราบแน่ชัดถึงสถานที่ ท่านจึงได้เดินทางมาในลักษณะธุดงค์ซึ่งสมัยก่อนกันดารเป็นอย่างมาก ได้พบกับคุณเฉลิมผู้กว้างขวางและได้ติดต่อซื้อที่แห่งนี้ ขณะที่ลงมือปรับสถานที่เพื่อปลูกพืชสมุนไพร เมื่อขุดดินได้สัก 3 วา ก็พบเปลือกหอยขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ปัจจุบันก็ยังมีซากหอยฟอสซิลนี้อยู่ในสระแต่ยุติการขุดแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้ทรงเสด็จทอดพระเนตรการขุดซากหอยนางรมยักษ์เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2538 ทางวัดจึงยกเลิกการขุดนับแต่บัดนั้นเพื่อเป็นมงคล ปัจจุบันทางวัดเจดีย์หอยได้ทำทางเดินไปยังศาลากลางน้ำ มีบ่อเต่า บ่อเลี้ยงปลาสวาย ให้ประชาชนทั่วไปมาให้อาหารเลี้ยงได้
พิพิธภัณฑ์ของเก่าโบราณ ในพิพิธภัณฑ์จะเป็นลักษณะการวางสิ่งของกองไว้ โดยจัดแบ่งเป็นกลุ่มๆ อาทิ โอ่งโบราณที่มีรอยเปลือกหอยเกาะ สิ่งของเครื่องใช้พื้นบ้าน ถ้วยดินเผา ตุ่ม หม้อ ไหโบราณ เปลือกหอยและซากสิ่งมีชีวิต เป็นต้น นอกจากนั้นในบริเวณวัดเรายังมีโอกาสเห็นของโบราณหายากอีกมากมาย โดยเฉพาะโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้แผ่นเดียว ปัจจุบันถือว่ามีมูลค่าอย่างมาก
โรงนวดสมุนไพร แผนโบราณ เป็นการนวดในแบบไทย ซึ่งเป็นศาสตร์บำบัดและรักษาโรคแขนงหนึ่งของการแพทย์แผนไทย โดยจะเน้นในลักษณะการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง และการอบ ประคบ ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปใน ชื่อนวดแผนโบราณ ในการนวดแผนโบราณหรือการนวดแผนไทย เป็นจุดประสงค์ที่ไม่ใช่เป็นการรักษาโรค แต่เป็นการผ่อนคลายลึกๆ บนเตียงยกระดับหรือบนฟูกที่ปูบนพื้นโดยตรง
ที่ตั้งวัดเจดีย์หอย ที่ตั้ง : เลขที่ 73 หมู่ 4 ต.บ่อเงิน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เบอร์โทรศัพท์ 0-2599-3057, 0-2599-3963, 0-2599-4247
เรื่องเล่าที่ 1 มีโอกาสได้พาครอบครัวไปทำบุญ ที่วัดเจดียห์หอย ก็ไม่ได้โทรเช็คที่วัดว่า หลวงพ่ออยู่ไหม ไปถึงหลวงพ่อไม่อยู่วัดครับ อาจจะติดนิมนต์ครับ ก็ไม่เป็นไรก็ทำบุญไปเล็กน้อย ก็ได้มีโอกาสไปเจิมหน้า นะหน้าทอง กับหลวงพี่ ลูกศิษย์หลวงพ่อ เราก็เอาเงินทำบุญใส่พานไป 100 บาท ยกพานถวายท่าน ท่านก็เจิมให้ หยิบเงินใส่ลงในบาตรทำบุญ พอออกมาปรากฏเจอเงิน 100 บาท กลับมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม เป็นที่อัศจรรย์ใจ
เรื่องต่อมา ถัดจากเหตุการณ์แรกประมาณอาทิตย์นึง พาครอบครัวไปหาหลวงพ่ออีกครั้ง คราวนี้ได้เจอหลวงพ่อด้วย ก็ไปบูชาชุดสังฆทานและพานครูมารอเจิมที่นุ่งปกติ พอถึงคราวก็ไปถวายสังฆทานกับท่านก่อน และก็มาตอนเจิม ซึ่งตั้งใจจะพาลูกมาให้ท่านเจิมพรมน้ำมนต์อยู่แล้ว ขณะที่รอพอแฟนและลูกเจิมเสร็จก็ตาผม ผมได้เอาเหรียญผานไถที่บูชามาจากหน้าตู้พระของวัด มาใส่พานหวังให้ท่านเจิมแป้งและพรมน้ำมนต์ให้อีกครั้ง ก็นำมาส่งให้ท่านซึ่งคนเยอะมากๆคนค่อนข้างจะเบียดเสียดกันทีเดียว ระหว่างที่ยกถวายท่านท่านก็จับเหรียญผานไถที่ผมได้ใส่ซองพลาสติกไว้ ท่านหยิบออกมาจากซองพร้อมโยนออกไปด้านข้างตัวท่าน ผมก็มองไม่ทันว่าหล่นไปตรงไหน แล้วท่านก็เอาซองโยนใส่ลงในบาตรข้างๆท่าน ผมก็งงสิ ท่านทำแบบนั้นทำไม แล้วผมก็เจิมหน้าลงสาลิกา ตามปกติไป เสร็จท่านก็ไม่ได้หยิบเหรียญคืนมาให้ เราก็งงและได้บอกลูกศิษย์ที่คอยจัดคิวข้างๆ ว่าเหรียญหายไป ไม่รู้ท่านโยนไปไว้ที่ตรงไหน ลูกศิษย์ก็ใจดีคอยช่วยมองหาบริเวณใกล้ๆ จนหาไม่เจอจริงๆ เค้าก็ไปหยิบมาให้ใหม่ 1 เหรียญ แต่ลักษณะไม่สวยเท่าเหรียญที่ได้บูชามาตอนต้น ก็นำหยิบใส่พานมารอท่านข้างๆ เพื่อรอท่านเจิม (ในใจก็คิด ไม่เป็นไรท่านเมตตาเจิมให้ก็ศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ) ก็กระซิบบอกลูกศิษย์ว่าจะขอท่านเจิม ลูกศิษย์ก็บอกว่ารอสักครู่ รอคนซาลงก่อน แปปเดียวเหมือนท่านได้ยิน ท่านกวักมือเรียกให้เข้าไปหาก่อนเลย และได้เจิมให้ที่เหรียญใหม่นี้สมใจ เราก็หายนอยไปได้มาก ก็ออกมาทำบุญตามจุดต่างๆ ในวัด และกลับเข้าบ้าน เหรียญใหม่นี้ก็ใส่ซองพลาสติกอันเดิม (ลูกศิษย์หยิบจากบาตรมาให้) เราก็เอาเหรียยใส่กระเป๋าสะพายใบเก่งกลับมาบ้าน ไปไหนมาไหนจะอธิษฐานตลอด จนมาวันนึงประมาณ 1 อาทิตย์ผ่านไป ก็ได้คุยไลน์กับเพื่อนๆในกลุ่ม เรื่องเหรียญผานไถ ก็เลยนึกจะหยิบมาถ่ายรูปให้เพื่อนในกลุ่มดู ปรากฏว่า "เหรียญที่หายไป กลับมาอยู่ข้างๆ ซองในกระเป๋าอย่างไม่น่าเชื่อ " ตอนนี้ยกมือท่วมหัวเลย หลวงพ่อเมตตานำมาให้บูชาเพิ่ม คงเพราะแรงศรัทธาที่เราไม่ติดในรูปลักษณ์ภายนอกแล้วกระมังท่านเลยสงเคราะห์ให้ ทุกครั้งมีโอกาสจะแวะไปทำบุญกับท่านบ่อยๆ ครับ ท่านเก่งมากจริงๆ สาธุ ครับ