เมนูนี้ เกิดขึ้นเอาตอนตกทุกข์ได้ยาก อยู่ต่างบ้านต่างเมือง หาอะไรกินก็ไม่ค่อยจะได้ จะต้มจับฉ่าย ยังหา ชุนฉ่ายก็ไม่มี ทั้งประเทศ มีผักอยู่ไม่กี่อย่าง... :'( ชีวิต ไม่สิ้น ก็ดิ้นไป ชีวิต ถ้าไม่ดิ้น ก็สิ้นใจ... ....... ว่าแล้วก็จับกระหล่ำปี มาหั่นออกเป็นเดือนๆ .... ล้างน้ำให้เกลี้ยง เพราะเรามั่นใจกันอยู่แล้วว่า กะหล่ำปลีมีสารเคมีสะสมเยอะมาก... ถ้าไม่อัดยาฆ่าแมลงทุกวัน มีหวัง หนอนกินหมดก่อน... ต้องตั้งกะทะ ใส่น้ำมัน ลงไป เอากะหล่ำปลีลงไปทอด พอให้สะดุ้งน้ำมัน ว่าแล้วก็คลุกๆกันเข้า ผัดมันเลยละกัน...ใส่เกลือ 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชาไม่มีก็น้ำตาลปี๊บ ใส่ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ แมกกี้ 1 ช้อนโต๊ะ ผัดไฟแรงๆ... เสร็จแล้วปิดไฟ...ปาดเหงื่อ สัก 2 ทีด้วยความรันทด หดหู่ ครูประชาบาล.. เอาหม้อใส่น้ำต้มให้เดือด กะว่าน้ำพอท่วม กะหล่ำปลี... เดือดแล้วเอากะหล่ำปลีที่ผัดไว้ ใส่ลงไป ถ้ามีน้ำมันงา ก็เขย่า ใส่ไปสัก 1 ช้อนชา... สำหรับอาหารจีนนั้น มีท่านผู้เฒ่าท่านนึง กล่าวไว้ว่า ความอร่อยของอาหารจีน อยู่ที่ น้ำมัน....จิงดิ... พอต้มเดือดแล้ว ปิดฝา ลดไฟลง เคี่ยวต่อสัก ครึ่งชั่วโมง ชิมแล้วปรุงรส เพิ่มเติม เค็มไปเติมน้ำ จืดไป เติมเกลือ ซีอิ๊ว สีไม่สวย เติมซีอิ๊วดำหวาน นิดหน่อย ปิดไฟ...ทิ้งไว้ให้เย็น..(ก็เพื่อให้น้ำมันซึมเข้าไปในกะหล่ำปลี)...จะกินก็อุ่นร้อนสักทีนึง... ถ้าทำกินเอง เวลาปรุงอย่าให้เค็มนัก เพราะว่าอาหารเวลาร้อน รสจะดูจืดกว่า ตอนที่เย็นแล้ว... แต่ถ้าทำให้คนแก่กิน ก็ต้องเพิ่มซีอิ๊วขาวไปอีกหน่อย เพราะลิ้นของคนแก่นั้น ต่อมรับรสเริ่มเสื่อม ถ้าทำรสเค็มพอดี ท่านจะรู้สึกว่าจืดไปหน่อย... ร้อนๆ ออกเค็มนิดๆ มีหวานตามหลัง กลิ่นหอมของน้ำมันงา เตะจมูก ขณะกำลังจะตักเข้าปาก...กะหล่ำปลีนุ่มๆ ชุ่มลิ้น...กินกันตาย คู่กับไข่เจียว ก็เอาแล้วนะ..ตะเอง...:boo:
สัดส่วนเทียบเคียง... 1กะหล่ำปี มี 12 กะหล่ำเดือน.. กะหล่ำปี 10 ลูก เรียกว่า กระหล่ำทศวรรต...หยั่งงี้เป็นต้น... เวลาหั่นออกเป็นเดือนๆ ก็ให้ไส้กะหล่ำติดไปด้วย ใบจะได้ไม่กระจัดกระจายนะขอรับ.. เวลาทอดจะได้ดูเป็นชิ้นเป็นอัน... ไม่ควรคนมาก เพราะว่าจะเมื่อยแขน...แต่จริงๆแล้วมันจะเละน่ะครับ... เมนูนี้กินได้หลายวัน และหลายคน ประหยัดมว๊าก...เหมาะสมกับคนกินเจ.. ทำให้ภาพพจน์ดูดี ว่ามีความสมถะ... ท่านสามารถเพิ่มเติมโปรตีนเกษตรเข้าไปด้วยก็ได้ ถ้าชอบกินมากขนาดนั้นก็นะ... ขอให้มีความสุขกับการกิน ทุกท่านนะขอรับกระผม....
นอกจากเล่านิทานเก่งแล้วยังเป็นพ่อครัวหัวป่าก์อีกนะจ้ะ จับฉ่ายของโปรด แต่ผัดกะน้ำมันก่อนต้ม จะทำให้ทานผักแล้วไม่ผอมอ่ะ 555
เคล็ดลับความอร่อยของอาหารจีน อยู่ที่น้ำมัน... กลัวจะเสียสุขภาพ เราก็เลือกน้ำมันจากเมล็ด ดอกทานตะวัน ผสม โอเมก้า 3 กินแล้วจะฉลาดเหมือนแมวเชียวนะ... แต่ว่าอาหารทอดทั่วๆไปนั้น นิยมทอดด้วยน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้เพราะว่าน้ำมันปาล์ม มีจุดเดือดที่สูงกว่ากระมัง เวลาทอดอาหารแล้ว น้ำมันไม่ไหม้ เหมือนใช้น้ำมัน ถั่วเหลืองหรือน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน... ในกาลภายหน้าที่ชาวเราจะต้องตระเวณไปทั่วโลก.. เรื่องจำเป็นคือ ภาษา และ เรื่องอาหารการกิน ทำอาหารเป็นอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักดัดแปลงพืชผักในท้องถิ่นนั้นๆเอามาทำกินได้ด้วย... ถ้าจะเอาแต่ อินติเกรต 3 ชั้น ทำลาปาสทรานส์ฟอร์ม หรือถอดเบสเซลส์ ฟังก์ชันได้ แต่พูดภาษาไม่ได้ นี่ มีสิทธิอดตายจิงๆด้วย..
ที่ทราบมาน้ำมันที่มีจุดเดือดสูงสุดคือน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว รองลงมาคือ น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน แต่น้ำมันมะกอกบางท่านบางว่ามีกลิ่นค่ะ ปกติจะใช้น้ำมันรำข้าวค่ะแต่หาซื้อยากกว่าน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีจุดเดือดต่ำเหมาะแก่การผัด ที่ไม่ต้องใช้เวลานาน
เมนูนี้ของโปรด จริง ๆ มีร้านเจ้าประจำอร่อยมากแต่มาพร้อมน้ำมันฉ่ำเยิ้ม เลยลองทำเองใช้น้ำมันมะพร้าวผัดก่อนแล้วค่อยลงหม้อต้มยาวๆ ไปกับเห็ดหอมหั่นบางพอดีๆ ใส่เต้าซ้อไปหน่อย (หากเขียนผิดต้องขออภัย) ฝีมือพอไปวัดไปวาได้ ทำเองกินเองยังไงก็อร่อยเพราะปรุงตามที่เราชอบ แถมสะอาด ล้างผักแช่ผักเพราะกะหล่ำปลีเนี่ยยาเยอะทีเดียว ไม่แปลกที่ไม่พบหนอน