ถาม : การดื่มกาแฟก่อนที่จะนั่งสมาธิ และสวดมนต์ เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการง่วงนอน และด้วยหวังว่าจะทำให้จิตใจมีสมาธิจดต่อกับการภาวนาและการสวดมนต์ได้ดีขึ้น จะมีโทษอันใดที่แฝงมาหรือไม่อย่างไรครับ ? ตอบ : อันดับแรกโรคหัวใจจะถามหา ใครก็ตามที่กินกาแฟไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ท้ายสุดต้องเป็นโรคหัวใจทุกคน เพราะว่าหัวใจแต่ละคนจะมีจังหวะการเต้นของตัวเอง พอเรากินกาแฟเข้าไปก็จะไปเร่งอัตราการเต้นของหัวใจให้มากกว่าเดิม ถ้ากาแฟหมดฤทธิ์ หัวใจกลับไปเต้นจังหวะเดิม เรากินใหม่หัวใจก็เต้นผิดจังหวะอีก นาน ๆ ไป จะเป็นอาการที่หมอบอกว่าหัวใจพิการ อันดับที่สอง ถ้าเราทำโดยอาศัยสารกระตุ้นจนเคยชิน ต่อไปถ้าขาดจะไม่สามารถทำได้ ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง ถ้าเราสามารถภาวนาจนถึงระดับปีติขึ้นไปจะไม่มีวันง่วงอย่างเด็ดขาด สามวันสามคืนก็ไม่ง่วง จึงต้องตั้งเวลาไว้ว่าเราจะภาวนานานแค่ไหน ไม่อย่างนั้นจะเพลินจนร่างกายทนไม่ไหว ที่มา วัดท่าขนุน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ [๒. ทุกนิบาต] ๒. ทุติยวรรค ๑๐. ชาคริยสูตร ๑๐. ชาคริยสูตร ว่าด้วยภิกษุผู้ตื่นอยู่ [๔๗] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์ กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเป็นผู้ตื่น๑- อยู่อย่างมีสติ มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น เบิกบาน ผ่องใส และควรเป็นผู้เห็นแจ้งสมควรแก่กาลในกุศลธรรมทั้งหลาย ในการ ประกอบเนืองๆ ซึ่งกัมมัฏฐานนั้น ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุเป็นผู้ตื่น อยู่อย่างมีสติ มีสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น เบิกบาน ผ่องใส และเป็นผู้เห็นแจ้งสมควรแก่กาลในกุศลธรรมทั้งหลาย ในการ ประกอบกัมมัฏฐานนั้นอยู่ พึงหวังได้ผลอย่าง ๑ ใน ๒ อย่าง คือ อรหัตตผล ในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีอุปาทานเหลืออยู่ก็จักเป็นอนาคามี” พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า เธอทั้งหลายที่หลับอยู่ จงรีบตื่น ที่ตื่นอยู่ จงฟังคำของเรานี้ ความเป็นผู้ตื่นจากความหลับเป็นคุณประเสริฐ เพราะภัย๒- ย่อมไม่มีแก่ผู้ตื่นอยู่ [๔๗]@เชิงอรรถ : @๑ เป็นผู้ตื่น หมายถึงเป็นผู้มีความเพียรเป็นเครื่องตื่น (ขุ.อิติ.อ. ๔๗/๑๙๖) @๒ ภัย ในที่นี้หมายถึง (๑) อัตตานุวาทภัย (ภัยเกิดจากการติเตียนตนเอง) (๒) ปรานุวาทภัย (ภัยเกิดจาก @การถูกผู้อื่นติเตียน) (๓) ทัณฑภัย (ภัยเกิดจากการถูกลงอาชญา) (๔) ทุคคติภัย (ภัยเกิดจากทุคติ) และ @(๕) วัฏฏภัยมีชาติ เป็นต้น (ขุ.อิติ.อ. ๔๗/๑๙๙) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๓๙๗} พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ [๒. ทุกนิบาต] ๒. ทุติยวรรค ๑๑. อาปายิกสูตร ผู้ที่ตื่นอยู่ มีสติสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น เบิกบาน ผ่องใส พิจารณาธรรมโดยชอบตามกาลที่เหมาะสม มีสมาธิเป็นธรรมผุดขึ้น๑- พึงกำจัดความมืดได้ เพราะฉะนั้นแล ภิกษุควรประพฤติธรรมเป็นเหตุให้ตื่น มีความเพียร มีปัญญารักษาตน มีปกติได้ฌาน ตัดสังโยชน์ในชาติและชราได้แล้ว ก็จะบรรลุสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในอัตภาพนี้แน่นอน แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล ชาคริยสูตรที่ ๑๐ จบ