ผมไม่เคยรู้จักหลวงปู่ดี วสฺปญฺโญ แต่รู้เรื่องขลังของท่านเป็นเลาๆอยู่บ้าง มีผู้เล่าหนาหูว่าตะกรุดของท่านแขวนคอไก่แล้วสับไกปืนไม่ออก จึงได้นำพระเครื่องของท่านมาลองดู พระเครื่องที่เอาเข้าแท่นยิงเป็นเหรียญรูปพระปิดตารูปทรงเดียวกกับพัดยศกะไหล่ทองสวยงามดี ผู้ยิงคือสิบตำรวจโท สุธีรพันธ์ ทาบศรี ตำรวจภูธรอุบลราชธานี ใช้ปืนประจำตัว smith s wesson revolver.38 ยิงในระยะเผาขนชนิดตอกหัวตะปูได้ไม่พลาด เหรียญพระปิดตากระเด็นไป แต่ไม่มีรอยระคายผิวแม้แต่นิดเดียว เหรียญอันนั้นเวลานี้ สตท.สรุพันธ์ ทาบศรี อาราธนาขึ้นคอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในการทอลองยิงคราวนั้น(19มิ.ย.37)มีพระเครื่องหลากหลายเข้าทดสอบด้วย มีได้ผลดีไม่กี่องค์ นอกนั้นกระจุยหมดที่กระจุยจะถูกเก็บไว้เป็นความลับต่อไป ที่ได้ผลดีจะถูกนำมาเปิดเผยต่อไป ถ้าพูดถึงหลวงปู่ดีแล้วคงทราบแต่เพียงว่าท่านเป็นพระอาจารย์ฝ่ายขลัง ที่ผู้คนในพื้นที่ของท่านให้ความเชื่อถือที่สุดองค์หนึ่ง สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พวก อส.และ ตชด. หรือเจ้าหน้าที่ที่ฝ่ายปราบปราม ผกค.มักไปขอของขลังจากท่าน เคยมี อส.ขี้สงสัยได้ยิงปืนข้ามหลังคากุฏิท่าน ปรากฏว่ากระสุนด้าน ผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย จึงให้ความเชื่อถือในของขลังของท่านเพื่อคุ้มตัว ส่วนประวัติท่านนั้น เห็นจะบอกว่าเวลานี้ผมยังมืดไม่รู้ทราบเป็นเลาๆว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนรัตน์ ถือท่านเป็นอาจารย์ ถ้ามีทางเป็นไปได้ก็จะพยายามค้นออกมาเผยแพร่ทีหลัง พระเครื่องของหลวงปู่ดีชุดนี้เกิดขึ้นมาเพราะโอกาสผูกพัทธสีมาและฉลองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วัดยอดแก้วศรีวิชัย อ.มุกดาหาร จ.นครพนม ในปี พ.ศ.2519 (ปัจจุบันเป็น จ.มุกดาหาร) ท่านพระครูสิริวุฒิโสภณ เจ้าอาวาสวัดยอดแก้วศรีวิชัยได้กรุณาเล่าว่า ในโอกาสนั้น พระเจ้าอยู่หัวทรงมีหมายกำหนดการเสด็จวัดยอดแก้วศรีวิชัย เพื่อทรงประกอบพิธีนี้ด้วย ทางวัดเห็นเป็นงานและโอกาสสำคัญจึงคิดสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้นชุดหนึ่ง ท่านพระครูเองมีความเลื่อมใสในองค์ปู่ดี วสฺปญโญ จึงไปกราบขออนุญาตสร้างเป็นเหรียญของท่าน 2 แบบคือเป็นเหรียญรูปเหมือนครึ่งองค์รูปไข่ กับเหรียญพระปิดตา พร้อมกับเหรียญรูปพระพุทธเจ้าอีก 2 แบบ เพื่อเป็นเหรียญที่ระลึกโอกาสสำคัญนี้ .. แบบหนึ่งหลังด้านมีพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. อีกแบบไม่มีแต่ทำเป็นรูปใบเสมาโดยมีด้านหน้าเป็นแบบเดียวกัน หรียญทั้งหมดเมื่อสร้างเสร็จแล้วนำไปถวายหลวงปู่ดีปลุกเสกเดียวที่วัดบ้าคำชะอีก่อน หลังจากนั้นจึงนำเข้าพิธีใหญ่ในวันงาน พิธีใหญ่นั้นสมเด็จพระสังฆราชวาสนา เสด็จมาเป็นองค์จุดเทียนชัย และมีครูบาอาจารย์มากันมากมายนับไม่ถ้วน เพื่อร่วมนั่งปลุกเสกพระชุดนี้ ท่านพระครูบอกว่าจำไม่ได้ว่ามีใครบ้างมาปลุกเสกคราวนั้น แต่ที่จำได้แม่นคือมีหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีองค์หนึ่ง หลวงพ่อกัสสปมุนีองค์หนึ่ง หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่องค์หนึ่ง นอกนั้นนึกไม่ออก เมื่อเสร็จพิธีแล้วได้นำพระทั้งหมดขึ้นถ้ำขาม สกลนคร ถวายหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ปลุกเสกเดี่ยวให้อีกหนึ่งครั้ง จึงนำลงมาแจกจ่าย ข้อมูลบางตอนโดย อ.อำพล เจน