เคยลังเลกันบ้างหรือเปล่าคะ ว่าจะแต่งดี หรือคบกันไปก่อน ดิฉันกับแฟน อายุก็ไม่น้อยกันแล้ว ดิฉัน 28 ส่วนแฟน 27 แต่รู้สึกว่าลึก ๆ ตัวเองไม่พร้อม แต่เราก็รักกันดีนะคะ คบกัน 3 ปี แต่รู้จักกันมาก่อนแบบเพื่อนรวม 5 ปี แฟนเป็นคนอินเดีย แต่เขาเรียนที่อเมริกา เลยเป็นคนหัวทันสมัยนะคะ แบบชาติตะวันตก ที่บ้านก็ชอบแฟน ครอบครัวแฟนก็ชอบดิฉัน แต่ดิฉันหวั่นใจลึก ๆ กับวัฒนธรรมที่ค่อนข้างเก่าของเขา อยู่บ้าน เตรียมอาหาร ทำงานบ้าน ซึ่งทั้งหมดดิฉันต้องฝึก แถมยังต้องเปลี่ยนศาสนาอีก คิดหนักมากค่ะ ใจนึงก็อยากแต่ง อีกใจก็ไม่พร้อม แต่ก็ไม่เคยบอกแฟน แต่บ้านเขาและตัวเขาก็เร่งให้แต่ง เพราะจะได้ไม่ต้องบินมาหาดิฉันที่นี่บ่อย ๆ เฮ้อ ทำไงดีคะ
คำถามแบบนี้ตัวคุณเองและแฟนน่าจะตอบคำถามได้ดีที่สุด ดีกว่ามาถามคนนอก ที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้น อะไรกับคุณเท่าไหร่ หากตัวคุณและแฟนพร้อมจะยอมรับ ข้อเสียซึ่งกันและกันและให้อภัยซึ่งกันและกันก็อยู่กันได้ แต่โดยส่วนตัวหากผมจะมีเมีย หากให้ผมเปลี่ยนจากศาสนาพุทธไปเป็นศาสนาอื่น ผมคงจะไม่แต่งด้วย เพราะศาสนาพุทธที่ผมอยู่ไม่มีข้อเสียอะไรให้ผมต้องละ มีแต่ผมจะต้องน้อมตัวเข้ามาในศาสนาพุทธให้มากขึ้น ผมยอมรับในความเชื่อของ คนรักแต่คนรักหากรับไม่ได้ในความเชื่อของผมก็ไปด้วยกันไม่ได้ การจะเข้าใจกันได้ ต้องมีความยอมรับในตัวอีกฝ่ายซึ่งกันและกัน และควรมี ความเชื่อ ศีล ปัญญา ที่ไกล้เคียงกัน จะได้คุยกันรู้เรื่อง กฏแห่งกรรมมีจริง ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส มีแต่นำพาเจริญ แล้วจะเอาอะไรมาเปลี่ยนความเชื่อผม ศาสนาอื่นก็มีความถูกในแบบของเขา แต่หากมันถูกเหมือนกัน ทำไมต้องแบ่งแยก หากถูกเหมือนกันมันต้องไปทางเดียวกันสิ นั้นเพราะทุกศาสนานั้นถูกหมด คือถูกด้วยการหาที่มาของเหตุการเกิด เพื่อเข้าใจตัวเอง หาการกระทำของการทำดี แต่อันไหนหนะถูกที่สุดในใจเรา คนพระพุทธเจ้ายังมีแบ่งบัวเป็นเหล่า ความเชื่อของคนจะให้ราบเรียบเสมอกันก็ไม่ได้ ทุกครอบครัวมีโอกาสทะเลาะกันได้ เหมือนกันหมด แต่ดูจากเผินๆแล้วเวลาทะเลาะแล้วจะเป็นแบบไหนไปกันได้ใหม หากสมมุติ การทะเลาะที่มีคน 2 ข้าง ก็คงจะมีโดยประมาณ 3 แบบ 1 ทะเลาะเพื่อให้อยู่ข้างเขาโดยถ่ายเดียว 2 ทะเลาะเพื่อปรับความเข้าใจเพื่อยอมรับกันทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อมาอยู่ตรงกลาง 3 ทะเลาะกันในเชิงสร้างสรรค์เพื่อรวมหัวกันคิดหาวิธีทางใหม่ แล้วการที่เราต้องเปลี่ยนศาสนาของเราเพื่อเป็นศาสนาของเขาคิดว่าเรา จะอยู่ร่วมกันแบบไหน จะทะเลาะกันแบบไหนครับ จะอยู่กันรอดใหม คนรักกันคือคนที่ทำความเข้าใจกัน ก็ลองพิจรณาเอาครับ
ฉันลังเลมากค่ะ เรื่องเยอะเรื่องมาก คิดแล้วคิดอีก คิดนาน คิดอยู่นั่น สุดท้ายกว่าที่จะได้แต่งงานมีคู่ชีวิตนั้นจากวัยสาวน้อยเปลี่ยนมาเป็นสาวเหลือน้อย เพราะความรักไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับฉันในจุดความคิดหลักของการใช้ชีวิตคู่ เป็นเพียงส่วนประกอบรองจากความสุขในการอยู่ร่วมเท่านั้นเอง รักของฉันที่มีให้กับใครบางคน(ใครบางคนที่หมายถึงใครคนนั้นที่ไม่ใช่ใครสักคนที่คือใครก็ได้)อาจไม่ใช่จุดจบของการอยู่ร่วม ด้วยว่าการอยู่ร่วมเป็นคู่ชีวิตนั้นมีหลายสิ่งประกอบเข้ามามากมาย ใช่มีเพียงความรู้สึกของคนสองคนเหมือนครั้งเริ่มคบหากันคราวแรก ผู้ร่วมชีวิตของฉันนั้นอาจไม่ใช่คนที่รักมากที่สุด แต่เธอคือคนที่ฉันอยู่ใกล้แล้วมีความสุขที่สุด มีความผูกพันเอื้ออาทรต่อกันมากที่สุด ทั้งนี้นั้นเป็นเนื่องจาก แม้ไม่รักมากมายเป็นอันดับแรกสุด แต่ในการตัดสินใจยังคงมีความรักเป็นพื้นฐานในการครองคู่ ฉันไม่นึกเสียดายหากต้องเลิกร้างจากลาต่อใครที่ไม่ตรงกับใจที่รู้สึกค่ะ หากไม่ใช่คนที่พร้อมร่วมชีวิตคู่ต่อกัน ก็ปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไป ไม่เหนี่ยวรั้งกันไว้ให้เกิดการหนักจิตหนักใจ แม้นชาตินี้ไม่ได้มีคู่ชีวิตเช่นคนอื่นๆ ก็พอทำใจรับสภาพการดำรงอยู่ได้ต่อไป นี่เป็นความคิดของฉันที่เป็นคนเรื่องแยะ เป็นการแสดงความเห็นของฉันค่ะ