ลูกสาวอายุ 14 ปี มีอาการเซื่องซึมมาเป็นอาทิตย์ กลับจากโรงเรียนจะเก็บตัวอยู่ในห้อง ออกมาเฉพาะตอนกินข้าว แม่ถามก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ก็เลยลองโทร. ไปถามเพื่อนลูกดู ทำให้รู้ว่าลูกอกหัก (คือเขามีแฟนอยู่ที่โรงเรียนโดยไม่ได้บอกแม่) ดิฉันรู้ก็ตกใจโกรธอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี ไม่อยากให้เขาจริงจังกับเรื่องนี้อยากให้คุณหมอแนะนำวิธีพูดและวิธีทำตัวของแม่กับลูกสาวที่เพิ่งอกหักทีค่ะ อารี
ศ.พ.ญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ร.พ.รามาธิบดี หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน เรื่องลูกสาวอายุ 14 มีแฟน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยพอสมควร ในวัยรุ่นชายหญิงยุคปัจจุบันคงเพราะสังคมเปิดกว้างมากขึ้น ไม่มีข้อห้ามให้วัยรุ่นชายหญิงพบปะใกล้ชิดกันเหมือนสมัยก่อน ฉะนั้นโอกาสที่จะเกิดความพึงพอใจกันย่อมมีได้สูงขึ้น ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ เพราะร่างกายของเขาได้เติบโตมากแล้ว มีความเป็นเพศหญิงเพศชายเต็มที่ หรือเกือบเต็มที่เป็นอย่างน้อย เขาจึงมีอารมณ์รักชอบหรือสนใจเพศตรงข้ามแน่นอน ความรักของวัยรุ่นแรกๆ มักไม่คล่องตัว เดี๋ยวชอบคนนี้เดี๋ยวชอบคนนั้น เดี๋ยวก็เปลี่ยนไป ชอบคนโน้น ยังเอาแน่นอนไม่ได้ มักจะเป็นเพราะตัววัยรุ่นเองก็ยังไม่รู้ว่า จะถูกใจคนแบบไหนกันแน่ บางครั้งหลังจากคบๆ กันไปครู่เดียวอาจเกิดความรู้สึกว่า คนนี้ "ไม่ใช่" เสียแล้ว คือไม่ถูกใจในบางเหตุผล เช่น บางคนพบว่าแฟนสาวมีรสนิยม "ไฮโซ" ซึ่งแฟนหนุ่มรู้สึกไม่ไหวจึงอาจตัดสินใจเลิกคบ เพราะตัวเองอยากเป็นคนธรรมดาๆ หรือบางครั้งแฟนสาวพบว่า ฝ่ายชายมีนิสัยบางอย่างที่วัยรุ่นหญิงซึ่งมีอารมณ์ละเอียดอ่อนกว่ารับไม่ได้ เช่น กินอาหารมูมมาม เคี้ยวอาหารเสียงดัง แถมบางครั้งยังเรอเสียงดังอย่างไม่ระวัง ทำให้ดูเป็นคน "โหลยโท่ย" ไม่น่านิยม ฝ่ายหญิงจึงอาจจะเลิกคบเอาดื้อๆ ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ที่เคยพบ ยังมีอีกว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนใหม่ที่ถูกใจมากกว่าคนเดิม แม้แฟนคนเดิมจะไม่มีข้อติอะไรชัดๆ ก็อาจถูกทิ้งได้เช่นกัน เพราะวัยรุ่นเขายังลองคบ ลองเลือกกันอยู่ว่าจะคบกันได้ยั่งยืน ยาวนานหรือไม่ ถูกใจแค่ไหน แต่วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยไม่ทราบธรรมชาติข้อนี้ของวัยเขาด้วยซ้ำ แล้ววัยรุ่นบางคนเกิดเป็นคนจริงจัง คบแล้วคบเลย พอถูกเลิกคบจึงเสียใจและเสียความรู้สึกในตัวเอง คืออาจรู้สึกตัวเองไม่มีค่า แฟนจึงไปสนใจคนอื่นหรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ แฟนจึงเลิกคบ การคิดแบบนี้และมีอาการเสียใจมากๆ สะท้อนให้เห็นว่า วัยรุ่นคนนั้นเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง การเลิกกับแฟนย่อมจะมีอาการเสียใจ (อกหัก) บ้างเป็นธรรมดา เพียงแต่จะไม่รุนแรงหรือเสียใจนานเกินไป หรือถึงกับส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง ทำให้เสียหายต่อผลการเรียน สิ่งที่คุณแม่ควรทำ คือขอคุยกับลูกตามลำพังในที่ๆ เป็นส่วนตัว เช่น ในห้องนอนของลูกโดยพูดว่า แม่สังเกตเห็นลูกสีหน้าไม่สบาย หงอยเหงาลงมาก คงมีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้น แม่อยากให้ลูกเล่าให้แม่ฟัง จะได้ช่วยกันคิดแก้ปัญหา ถ้าลูกยอมเล่าให้ฟัง คุณแม่จะได้ปลอบใจว่าไม่เป็นไรเป็นเรื่องธรรมดา และลูกยังเด็กอยู่ ยังมีโอกาสพบคนดีๆ คนที่เหมาะสมอีกมากและในวัยเรียนอยากให้ลูกตั้งใจเรียน การมีแฟนเป็นตัวตนเร็วนักอาจไม่ดี เพราะยังรู้จักคนน้อย อาจเสียโอกาสดีๆ ไป ควรคบกันเป็นเพื่อนไปก่อนให้นานๆ จนกว่าจะแน่ใจในนิสัยใจคอ และรู้จักครอบครัวของเขาต่อไป ถ้าลูกไม่ยอมเล่า ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่บอกว่า แม่พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาให้เสมอในทุกเรื่อง ถ้าลูกอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนก็ไม่เป็นไร แต่จริงๆ แล้วแม่ไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง อยากให้มีคนปรึกษาหารือ จะได้ไม่อัดอั้นตันใจหรือเก็บกด ถ้าแม่พูดแบบนี้ ลูกมักไม่ปิดบัง เพราะเป็นธรรมชาติของคนเราอยู่แล้ว ที่ต้องการระบายความในใจ เพื่อลดความทุกข์ความอึดอัดต่างๆ แต่ถ้าแม่เริ่มด้วยการตำหนิติเตียนหรือดุว่าลูก ลูกจะปิดกั้นตัวเองทันที แม้วันหลังมีปัญหา ลูกจะไม่พูดกับแม่อีก http://www.bbznet.com/scripts2/view.php?user=ppbbz&board=3&id=33&c=1&order=numtopic
พี่สาววัยกลางคน อกหัก แม่บ้าน ให้ฟัง นี่เลยจ้ะ => http://audio.palungjit.org/showthread.php?t=303 แสวงหาความรัก และปฏิปทาสมเด็จองค์ปฐม
*-* เคยผ่านตรงนี้มาบ้างเหมือนกันค่ะ แทบแย่เลยตอนนั้น แบบทานข้าวไม่ได้ แทบจะไม่มีแรงทำอะไรเลยล่ะ .....(บ้าไปเลยมั้งงงงแป้ง) เกิดอาการซึม เก็บตัว พูดน้อยลง สมองไม่ทำงาน(ประมาณนี้แหละ) โชคดีที่ที่บ้านพอเข้าใจ เห็นเราแปลก ๆ ไปก็ชวนคุย ถามโน่นถามนี่เรื่อยๆ แล้วก็ช่วยกันดูแล แม่จะพาไปวัดบ่อย ๆ ไปทำบุญบ้าง ไปนั่งเล่นที่วัดบ้าง คุยกับพระอาจารย์บ้าง แบบเราไม่ค่อยรู้ตัวว่าแม่ดึง ให้เราหันไปสนใจสิ่งอื่นรอบๆ ตัวมากขึ้น ไม่ให้เราคิดมาก พี่สาวก็เอาหลาน ๆ มาฝากเลี้ยงบ่อยๆ ขึ้น วันหยุด ศุกร์เสาร์อาทิตย์ จะใช้เวลาอยู่กับเด็กๆ ตลอด (คงไม่อยากให้ว่างมากไป เดี๋ยวคิดมาก) และหลายๆ อย่างที่แม่กับพี่ๆ ช่วยกันรวมทั้งช่วงนั้น เข้ามาเจอเวปพลังจิต แล้วก็ได้อ่านเรื่องราวของคนอื่นๆ บ้าง แล้วก็เอาเวลาว่างที่มี แทนที่จะ ฟังเพลง ดูหนัง มานั่งทำโน่นทำนี่ที่นี่ โดยเฉพาะที่สำคัญ มานั่งพิมพ์ หนังสือจุไรท่องดวงดาว ของหลวงพ่อ ..........ทำให้ช่วงนั้นเริ่มสงบขึ้น เข้าใจอะไรได้มากขึ้น อาจจะเป็นบุญของเราที่มาเจอตรงนี้พอดีด้วยล่ะ พอย้อนกลับไปมองที่ผ่านมา เราแย่มากเลยที่ทำให้คนทั้งบ้านไม่สบายใจ ก็ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น พยายามอย่างมาก ที่จะแก้ที่ตัวเอง แทนที่จะ โทษตัวเองอย่างเดียว ตอนนี้ดีขึ้น สงบขึ้นมากทีเดียว ด้วยการจุดประกาย ของพี่ๆ เพื่อนๆ ที่นี่ ก็เลยคิดว่าถ้าเราทำตรงนี้ เพื่อเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธองค์ให้เป็นประโยชน์ กับคนส่วนใหญ่ได้ ก็จะทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่โอกาสจะอำนวย เพราะจริง ๆ แล้วคนเรา ถ้าไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม จริงๆ นะคะ ต้องผ่านอะไรร้อนๆ แล้วเราจะเห็นคุณค่าของความเย็น ความ หนาวเหน็บที่บางคนไม่ค่อยชอบ บางทีก็มีประโยชน์มากมายค่ะ ********
ความรักก็ต้องมีขึ้นและมีลงเป็นของธรรดา ความรักวันหนึ่งก็จะต้องตายจากกันไป ความรักวันหนึ่งก็ต้องแยกทาง ขึ้นอยู่คุณจะรักแบบไหน ? ถึงจะมีความสุข ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนมีสัจธรรมของมันเอง มีเกิดและก็มีดับ...
. มีรัก ก็ต้องมีอกหัก เป็นธรรมดา อย่าฆ่าตัวตายก็แล้วกัน แต่เมื่ออกหัก ก็อย่าคิดสั้นนะ เพราะ คนที่อกหักเจ้านั้นไม่มีสิทธิคิดสั้น ฆ่าตัวตาย เกิดมายังไม่ได้ทดแทนคุณพ่อแม่ ประเทศชาติ เลยแล้วเจ้ามีสิทธิอันใดมาคิดสั้นฆ่าตัวตาย ก่อนตายกลับไปทดแทนคุณพ่อแม่ให้หมดเสียก่อนค่อยมาฆ่าตัวตายนะ
เคยเป็นเหมือนกันค่ะพี่แป้ง เมื่อก่อนเวลาเห็นคนอื่นหรือเพื่อนๆๆอกหัก เราก้อไม่เข้าว่าทำไมเค้าถึงเป็นแบบนั้น ทำไมตัดใจไม่ได้ จนมาเจอกับตัวเองถึงเข้าใจ กินไม่ค่อยได้ ฟุ้งซ่าน เหมือนคนบ้าเลย แต่โชคดีที่นอนได้ เลยไม่ค่อยทำไรนอนอย่างเดียว น้ำหนักลดหวบจาก 45 มา 38 จนแม่กลัวเลยค่ะ ตอนนั้นทุกคนไม่มีใครกล้าพูดไรได้แต่นั่งมองอย่างสงสาร......อาศัยเวลาฟุ้งซ่านก้อฟังธรรมะเข้าข่ม ดูหมอ คุยกับเพื่อน ช่วงนั้นดูหมอทุกอาทิตย์ เป็น 10 เจ้าได้.....โชคดีจังที่ผ่านมาแล้ววว
ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อแม่ของเราแล้ว...เราเกิดมาได้ก็เพราะพ่อแม่ พ่อแม่สอนให้เราพูดคำแรกก็คือ ป้อ แม่ แต่เมื่อเราโตขึ้น เรากลับไปบอกรักแฟน รักแฟนมากกว่าผู้ที่ให้กำเนิดให้ชีวิตเรา ยังงี้มันถูกแล้วหรือ วัยรุ่นสมัยนี้หน้ามืดตามัว...
มันเป็นเรื่องธรรมชาติ จะหาคนที่ไม่เคยอกหักเลยคงยาก ไม่วันนี้ วันหน้าก็ต้องเจอเข้าสักวัน ต่อไปก็จะมีภูมิต้านทานเอง
อ่ะนะเคยๆ อิอิ แต่ตอนนี้เราก็14นี่นา 555+ เอาเป็นว่าเคยล่ะกัน ก็ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า ตัวเราเป็นของเราไม่ได้เป็นของใคร เศร้าได้แต่อย่าทำลายตัวเอง เค้าไม่ใช่ชีวิตของเรา ทำไม่ต้องซึมด้วย ต้องไม่ทานอาหารด้วย(ต้องเรียกว่าอ่านข้าวไม่ลงมากกว่า) เราซึม เราทานข้าวไม่ลงเค้าสนใจเราไหมเราจะทำลายตัวเองทำไม ทั้งๆที่บอกตัวเองอย่างนี้แต่ก็มีแอบเศร้าอยู่บ้าง(ย้ำว่าบ้างถึงบ้างที่สุด) อิอิ