หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ(พระครูปราสาทพรหมคุณ สุสานทุ่งมน (วัดเพชรบุรี)

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย ออกมาดูโลก, 24 มกราคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    อัตชีวประวัติ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ(พระครูปราสาทพรหมคุณ สุสานทุ่งมน (วัดเพชรบุรี) อ.ปราสาท จ.สุรินทร์




    <DD>เด็กชายสุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ได้ช่วยกิจการงานทุกอย่าง ทำนา หว่านกล้า เก็บเกี่ยวข้าว ด้วยความวิริยะอดทน จนอายุได้ 18 ปี มารดาขอร้องให้บวชเณร ด้วยสาเหตุเกรงว่าจะไปมีเรื่องกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงเวลาของวัยรุ่นอารมณ์ร้อน ซึ่งโดยนิสัยแล้วเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่เกรงกลัวใคร สุดท้ายเห็นแก่มารดาจึงตัดสินใจบวชให้แค่เพียง 7 วัน <DD>ครั้นบรรพชาแล้วพระอุปัชฌาย์ได้ตั้งนามให้ใหม่ว่า"สามเณรพรหมศร" ลุมาได้ 3 วัน ขณะนั่งบนแคร่ไม้ใต้โคนต้นมะขามใหญ่ได้มีบุรุษหญิงชายแปลกหน้าทั้งมีอายุแก่และหนุ่ม แต่งกายแบบชาวบ้านมาขอร้องให้เทศน์โปรดทีเถิด สามเณรพรหมศรกล่าวว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s.jpg
      s.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.8 KB
      เปิดดู:
      4,008
  2. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    เมตตาบารมีอิทธิปาฏิหารย์ ปราบนางพญาโจรี

    หลวงปู่ธุดงค์จาริกแสวงบุญเรื่อยมายังเมืองพระตะบอง ขณะนั้น ชาวเมืองเกิดความเดือดร้อน ข้าวยากหมากแพง เกิดขโมย โจรชุกชุม แต่ยังมีกลุ่มโจรหนึ่งมีหัวหน้าเป็นสตรี มีลูกน้องกว่า 50 คน มีนามว่า
     
  3. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    <CENTER>ห้าสิบห้าหาไม่เห็น

    <DD>หลวงปู่ได้ธุดงค์ ดั้นด้นมาถึงเขตดินแดงติดต่อระหว่างกัมพูชากับเวียตนาม(เวียตกง) ซึ่งขณะนั้นลัทธิคอมมิวนิสต์กำลังเผยแพร่ มีอิทธิพลต่อทวีปเอเชียอาคเนย์เป็นอย่างมาก ได้มีหลายประเทศเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นลัทธิดังกล่าว ในจำนวนนี้ ประเทศเวียตนามหรือเรียกกันว่า “พวกเวียตกง” ก็เปลี่ยนระบบการปกครองไปแล้ว ระบอบการปกครองลัทธินี้ สอนให้ไม่มีศาสนา มีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเทวดา หรือว่าวิญญาณทั้งหลาย จึงได้กวาดล้างลัทธิของทุกศาสนาให้หมดไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นพระสงฆ์องค์เจ้าก็ต้องศึกไป บ้างก็ต้องหนีออกนอกประเทศ มิฉะนั้นจะถูกทำลายล้างเข่นฆ่าให้ตายหมด

    <DD>ขณะที่หลวงปู่ได้ธุดงค์มาถึง ณ เขตชายแดนประเทศกัมพูชา กับประเทศเวียตนาม ทันใดนั้นทหารเวียตกงก็ได้แห่กันมาประมาณห้าสิบกว่าคน ล้อมรอบกลดของหลวงปู่ เพื่อจะจับนำตัวไปฆ่า แต่เมื่อเปิดผ้าคลุมมุ้งกลดดู ก็เห็นแต่กลดว่างเปล่า คงมีแต่กาน้ำใส่น้ำตั้งอยู่ กับบาตรและถุงยามเท่านั้น แต่องค์หลวงปู่นั้นได้หายไปแล้วจึงทำให้นึกย้อนเหตุการณ์สมัยหลวงปู่ผจญกับนางพญาโจรีที่พาลูกสมุนโดดลงขันน้ำกลางบ้านหายกันไปหมด แต่ได้กราบเรียนถามท่านแล้วว่าหลวงปู่ใช้วิชานี้หรือเปล่า หลวงปู่ท่านกล่าวตอบว่า “ทำมิได้หรอก” เป็นเรื่องของครูบาอาจารย์ ที่จะช่วยให้ศัตรูเห็นก็ได้ หรือมิเห็นก็ได้ เป็นเรื่องของท่านหลวงปู่ทำไม่เป็นหรอก

    <DD>ซึ่งในการนี้ทหารเวียตกงจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบองค์หลวงปู่ได้ ผลสุดท้ายท่านเมตตา และสงสารพวกทหารเวียตกง จึงได้ปรากฏกายยอมให้ทหารเวียตกงจับตัวไป โดยคิดปลงเสียว่า “ถ้าอดีตเคยเป็นศัตรูกันมาก็ดี เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวร จะนำไปฆ แกงอย่างไรก็เชิญจับไป ให้ถือว่าใช้เวรใช้กรรมกันเป็นชาติสุดท้าย จักได้เป็นอันตัดขาดหมดเวรหมดกรรมกันไป แต่ถ้ามิได้เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อนแล้วละก็ ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยรักษา ครูบาอาจารย์รักษาคุ้มครอง อย่าได้เป็นอันตรายแต่ประการใดเลย

    <DD>ทันใดที่หลวงปู่ได้ปรากฏกายออกมาจากกลดนั้น ทหารเวียตกงต่างตกใจขวัญหนีดีฝ่อ จึงได้นำปืน M16 ประทับบ่าแล้วยิงถล่มสู่เป้าหมายถึงองค์หลวงปู่ทันที หลวงปู่นั้นก็ได้แต่ยืนเฉย หาได้สะทกสะท้าน หรือหวาดกลัวเสียงลูกปืนแต่ประการใดไม่ เพราะลูกปืนนั้นได้ตกลงกองอยู่ ณ ด้านปลายเท้าของหลวงปู่นั่นเอง ห่างจากปลายเท้าประมาณ 1 วา บางกระบอกปืนก็ยิงจนปากกระบอกแดง บางกระบอกลูกปืนไหลออกจากปากกระบอกเอง ซึ่งตามตำราของท่านเรียกว่า “ปืนแตกน้ำ” คือลูกกระสุนจะด้านหรือหมดสภาพประดุจลูกปืนหรือดินประสิวนั้น แช่อยู่ในน้ำ เวลายิงจึงด้าน และไหลออกมาประดุจว่าไหลมากับน้ำ จึงเรียกว่าปืนแตกน้ำ “ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของวิชาคงกระพันของท่าน”

    <DD>เมื่อทหารเวียตกงจะฆ่าอย่างไรๆ ก็มิอาจฆ่าได้ ทุกคนต่างก็จนใจ ผลสุดท้ายจึงเข้ารุมจับหลวงปู่ แล้วนำมาใส่กรงเหล็ก นำเดินทางมาถึงท่าเรือ จากนั้นก็ยกกรงเหล็กใส่เรือตังเกออกสู่กลางทะเล สักครู่ต่อมาเวียตกงจึงนำเชือกผูกกรงเหล็ก แล้วยกกรงเหล็กถ่วงทะเล ประมาณ 10 นาทีต่อมาจึงได้สาวเชือกดึงกรงเหล็กขึ้นมา ทุกคนต้องตกใจอย่างที่สุด เพราะพระภิกษุที่อยู่ในกรงเหล็กนั้นนั่งสมาธิเฉยหาได้สะทกสะท้านตกใจกลังต่อภัยใดๆไม่ แถมจีวรที่นุ่งห่มอยู่นั้นก็ไม่เปียกน้ำทะเลแต่ประการใด

    <DD>ซึ่งการนี้ได้กราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมจีวรของหลวงปู่จึงไม่เปียกน้ำ หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า “อ๋อศีลคุ้ม คนเราถ้ามีศีลมั่นถือมั่น ในปฏิทาแห่งคุณพระพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์แล้ว เชื่อว่าตกน้ำก็ไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ ประกอบกับการที่เรามีเมตตาอธิษฐานแผ่ยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย”

    <DD>แต่ก็ยังไม่สะใจพวกทหารเวียตกงอยู่นั่นแหละ เพราะเขากลับมีคำสั่งให้เรือหาปลานั้นวิ่งแล่นต่อไปอีกไกลแสนไกล จนเห็นแค่ขอบฟ้าจรดผิวน้ำเท่านั้น จากนั้นก็นำกรงเหล็กหย่อนลงมหาสมุทร อยู่นานสักประมาณ 10 นาที จึงได้สาวเชือกขึ้นมา ทันใดทหารเวียตกงก็ต้องช๊อก เพราะว่าหลวงปู่นั้นยังคงนั่งสมาธิเฉยดุจเดิมอยู่ในกรงเหล็ก ทำให้พวกทหารเวียตกงนั้นหมดความสามารถที่จะประหารเข่นฆ่าพระภิษุรูปนี้ได้ จึงได้สั่งคนเรือหัวเรือกลับสู่ฝั่งของเมือง ได้กราบเรียนถามว่า”หลวงปู่ทราบได้อย่างไรว่าเป็นมหาสมุทรมิใช่ทะเล” หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า “ก็น้ำในมหาสมุทรนั้นจะเย็นมากกว่าน้ำในทะเล ผู้เขียนจึงถึงบางอ้อ และมีความรู้เพิ่มขึ้นอีก”

    <DD>ในที่สุดเรือหาปลาก็แล่นเข้าหาฝั่งอีกครั้ง แต่ทหารเวียตกงนั้นก็มิได้ละความพยายามแต่ประการใด ต่างก็ช่วยกันยกกรงเหล็กลงและรุมกระชากองค์หลวงปู่ออกมาจากกรงเหล็ก อีกสี่คนช่วยกันจับแขนทั้งสอง และขาทั้งสองอยู่ในลักษณะนอนคว่ำ จากนั้นก็นำพุ่งเข้าปากจระเข้ใหญ่ ซึ่งกำลังนอนหลับอ้าปากอยู่ ซึ่งตามลักษณะสัญชาติญาณของจระเข้แล้ว เวลานอน

    <DD>สุดท้ายทหารเวียตกงก็ยอมแพ้ในอิทธิบุญบารมีของหลวงปู่ จึงได้นำองค์หลวงปู่ออกจากจระเข้ใหญ่ พร้อมทั้งกราบถวายตัวเป็นศิษย์สืบมา

    </CENTER></DD><!-- / message -->
     
  4. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    สัจจวาจา...ปืนแตก

    หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ จากเวียตนามสู่ประเทศกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง ขณะรุกขมูลอยู่กกลางป่าใหญ่นั้น จึงเต็มไปด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ช้าง ม้า เสือ กวาง กระต่าย งู นานาพันธุ์ที่น่าแปลกยามใดที่หลวงปู่ปักกลดพักแรมเวลาค่ำคืน ณ ที่ใดก็ดี มักจะมีช้าง กวาง กระต่าย งู
    มาเป็นเพื่อนล้อมอยู่โดยรอบ ซึ่งหลวงปู่จะมีความสุขมากยามที่เงียบ
    สงบ และได้พบกับสัตว์ป่านานาชนิดมาร่วมอยู่ข้างตัว ท่านเรียกว่า
    "เพื่อนของเรา" จนเวลารุ่งอรุณหลวงปู่จะบอกแก่สัตว์ทั้งหลายว่า ให้กลับเข้าป่าไป เดี๋ยวพวกคนป่า หรือนายพรานมาพบเข้าจะทำร้ายเอาให้รีบกลับเข้าป่าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่น่าสงสารยังมีกวางท้องแก่ตัวหนึ่ง ท้องแก่มากเดินไม่ค่อยไหว เพราะต้องอุ้มท้องเดินต้วม
    เตี้ยมๆ อุ้ยอ้ายอยู่หลังสุด สักครู่ก็มีพรานป่าออกมาจากริมป่า พร้อมด้วยอาวุธปืนประทับบ่าเตรียมพร้อม จ้องสู่เป้าหมายคือกวางแม่ลูกอ่อน แต่ในยามนั้นได้ลุล่วงสู่ฌาณสมาบัติของหลวงปู่ จึงได้แผ่บารมีธรรมคุ้มครองป้องกัน ทั้งได้กล่าวด้วยเมตตาธรรมแห่งสัจจะวาจาว่า "อย่ายิงกวางแม่ลูกอ่อนนะ ถ้ายิงเดี๋ยวปืนมันจะแตก" ด้วยความไร้เมตตาและขาดคุณธรรมของนายพราน แถมยังดื้อดันมิยอมเชื่อฟัง
    คำห้ามปรามของภิษุสงฆ์ ซึ่งขออภัยทานในชีวิตของสัตว์อีก
    จึงได้ยกปืนยาวขึ้นประทับบ่า แล้วลั่นไกปืนขึ้นทันที ทันใดนั้นเองปากกระบอกปืนของนายพรานดื้อก็ลั่นเสียงดัง เปรี๊ยะ! แต่เป็นเพียงให้หลาบจำมิได้เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่ประการใด ด้วย
    ความกลัวและตกใจ พรานป่าผู้ใจบาปจึงยอมลดปืนลง เบื้องหน้า พร้อมกับก้มกราบขอขมาต่อหลวงปู่ว่าจะไม่ประพฤติทำเช่นนี้อีกหลวงปู่จึงได้เมตตาให้โอวาทตักเตือน และให้พรจากนั้นพรานป่าจึงได้ลากลับสู่ครอบครัวของตน
     
  5. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    พระธาตุปรากฏ



    คุณหมอชัชชัย ด่านสุนทร นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลบุรีรัมย์ได้หยิบพระพิฆเนศปางอ้อมจักรวาลเนื้อชานหมากกับพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันให้ชมพร้อมกล่าว "แปลกนักพระเนื้อชานหมากทั้ง 2 นี้ได้มีเม็ดพระธาตุผุดเรียงเต็มไปหมดบางองค์ก็มากบางองค์ก็น้อย แต่ส่วนใหญ่ที่พิจารณาแล้วพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันจะมีเม็ดพระธาตุขึ้นมากกว่าจึงได้พิจารณากันว่าพระธาตุที่ผุดขึ้นมีสีขาวทราบภายหลังว่า ในการผสมผงสร้างพระชุดนี้ ได้นำผงพระธาตุสิวลี ซึ่งหล่นอยู่ก้นโหลแก้วครั้งที่ คุณพี่ประดิษฐ์ สุขประเสริฐ ทายาทศิษย์สายหลวงพ่อดิ่ง วัดบางบัวจ.ฉะเชิงเทรา นำมาถวายหลวงปู่จึงได้นำผงพระธาตุสิวลีผสมกับผงของพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันชุดนี้ด้วยประการแรก ประการที่สองเล็บของหลวงปู่นั้นงอกยาวได้ใสบ้าง เป็นเม็ดใสก็มี ประการที่สามอันว่าธาตุขันธ์ในกายของหลวงปู่ เช่น เกศ เล็บ น้ำลายผสมอยู่กับชานหมากก็ตาม เหล่านี้กระมังที่มาประชุมธาตุจนทำให้พระพิมพ์ ขุนแผนชัยวรมันกับพิมพ์พระพิฆเนศ เนื้อผงชานหมากเหล่านี้ ปรากฏเป็นธาตุขึ้นได้ หรือแม้แต่พระผงรุ่นแรกพิมพ์นิยม พิมพ์ไกเซอร์ก็ดี พระพิมพ์สมเด็จ พระประธานก็ดี รุ่นฉลองชัยที่กดพิมพ์มือล้วนกรรมวิธีการสร้างแบบโบราณ คือ กดด้วยมือตัดขอบด้วยผิวไผ่หรือมีด ผึ่งลมตามธรรมชาติ เมื่อนำมาสักการะบูชาก็ปรากฏว่างอกได้ฟูได้ มีเม็ดพระธาตุงอกขึ้นเต็มทั้งองค์เช่นกัน หลวงปู่กล่าวว่า"เราตั้งใจทำให้จริงๆแล้วก็ทำให้อย่างดีด้วย เพราะว่าคณะศิษย์ตั้งใจทำเพื่อฉลองอายุครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์มิมีสิ่งใดที่จะตอบแทนน้ำใจ ก็มีแต่ศีลปฏิบัติภาวนาและน้ำจิตที่เป็นบุญเป็นกุศลสะสมมาแต่กาลก่อน อธิษฐานขอช่วยลูกศิษย์ให้ได้ดีทุกคนแต่ปราถนาขออย่างเดียวอย่าดื่มเหล้าหรือผิดลูกเมียผู้อื่นเขา อะไรก็ทำมิได้เลย สำหรับเรื่องนี้ทำให้นึกถึงคุณหมอชัชชัย หมอดีฝีมือเยี่ยมแห่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ จำได้ว่าวันที่คุณหมอชัชชัยได้ไปกราบหลวงปู่พร้อมกับผู้เขียนได้นำครอบน้ำมนต์ถวายหลวงปู่ได้ประสิทธิพร้อมขอน้ำมนต์ของหลวงปู่เติมไว้เป็นปฐม หลวงปู่เมตตาตักให้พร้อมกล่าวว่า"ให้นำน้ำธรรมดามาเติมใช้ได้ดี 108 ประการ" ครั้นกลับมาบ้านคุณหมอก็นึกถึงหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ว่าเวลาท่านสร้างพระมักนำพระแช่น้ำมนต์ 1-2 วัน นำขึ้นมาผึ่งก็บังเกิดมีพระธาตุผุดขึ้น เอ! ถ้าหลวงปู่ของเราก็น่าจะทำได้เช่นกัน เพราะบารมีธรรมจริยปฏิปทา จึงทำให้เกศาที่บูชาก็ยังเป็นแก้วเป็นธาตุได้ ครั้นเวลากลางคืนได้ฝันถึงหลวงปู่มาบอกว่า "ให้นำพระขุนแผนชัยวรมันแช่น้ำมนต์ซึ่งประเดียวก็เห็นเอง" คุณหมอชัชชัย สะดุ้งตื่น แต่มีความรู้สึกว่าหลวงปู่มากล่าวพูดเช่นนั้น จึงได้อาราธนาพระขุนแผนชัยวรมันองค์ละ 100 บาท แช่น้ำมนต์ประมาณ 1-2 วันแล้วนำมาผึ่งวางไว้ พอเวลาค่ำได้พบเห็นว่าพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันเกิดมีธาตุใสได้ จึงปลื้มปิติยินดีอย่างที่สุด
     
  6. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    ปฐมศรัทธา


    เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าพระที่ชอบอยู่กับงู พระที่ชอบปล่อยงู พระที่มีงูเป็นทหารในยุคนี้หมายถึงพระภิกษุรูปใด หนึ่งเดียวในสยามแห่งอีสานใต้ที่กระทำการดังกล่าวนี้เชื่องสุดๆ ประดุจปลาไหล เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาจิตต่อสัตว์ป่า แผ่บารมีธรรมสู่สัตว์โลก แม้แต่งูก็อยู่กับหนูได้ใต้โพรงหินไม่กัด ไม่กินกันหรืองูอยู่กับกบในสระน้ำไม่ทำร้ายกัน เป็นต้น สร้างความฉงนแก่ผู้พบเห็นนัก

    ยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนได้พบเองสมัยครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่ใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดยได้ยินบุคคลต่างๆทั่วไปกล่าวขานกันว่า หลวงปู่องค์นี้อยู่กับงู ชอบปล่อยสัตว์นานาชนิด จึงสนใจใคร่ติดตามไปจนถึงสำนักของหลวงปู่และต้องหายสงสัยหมดสิ้น ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า หลวงปู่นั่งออกรับญาติโยม สักครู่ต่อมาได้มีกระรอกขาวตัวหนึ่งไต่สายไฟจากป่ามายังที่หลวงปู่นั่งรับแขกโดยมิเกรงกลัวบุคคลที่นั่งเต็มไปหมด โดยวิ่งด้วยเท้าทั้ง 4 แล้วมาหยุดอยู่ข้างหน้าหลวงปู่ทันใดนั้นกระรอกยกขาคู่หน้าชูขึ้นคล้ายกับทำความเคารพ พลางส่งเสียงร้อง
     
  7. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    หลวงปู่สอนให้อดทนข่มใจ
    หลวงปู่ได้เมตตาให้กั้นลวดหนามเพื่อป้องกันสัตว์ลงไปเล่น เป็นที่น่ายินดีที่ทำงานเสร็จภายใน 1 วัน ด้วยการใช้กำลังแรงงานเพียง 80 คน ซึ่งรวมระยะเวลาล้อมประมาณ 7 ไร่กว่า หลวงปู่กล่าวว่าปลื้มใจที่ทุกคนตั้งใจร่วมใจกันทำงานอย่างขมีขมันมีความรับผิดชอบ ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำตามหน้าที่ของตนก็สัมฤทธิผลได้ในกิจการนั้นๆ งานใดสิ่งใดก็ตาม เรามีความตั้งมั่น มีความุมานะ มีความขยันหมั่นเพียร รู้จักอดออมเก็บความรู้สึกไว้ให้ได้ ผู้นั้นก็ย่อมประสบผลสำเร็จในกิจการนั้นๆ อีกสิ่งที่สำคัญคือจิต มีความไวมากในการสัมผัสรับรู้ หากเราไม่รู้เท่าทันตัวจิตนี้แล้วเราก็ต้องตกเป็นเหยื่อของสิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบทุกๆเรื่องไป และถ้ายิ่งมีการปะทะโต้ตอบกันไปมาไม่รู้จักข่มใจตนเองสิ่งที่จะตามมาคือความเสียหาย ดังนั้นขอให้ลูกหลานรู้จักอดออม ข่มใจตนเอง ใครเขาจะว่าอย่างไรก็ขอให้นิ่งเฉยเสียเขาว่ามานั้นมิได้เจ็บปวดแต่ประการใด ถ้าจิตใจของเราไม่ไปปรุงแต่งในคำพูดของเขานั้นๆว่าเจ็บปวด ทุกสิ่งทุกอย่างขอให้ทุกคนดูตัวเอง ดูใจตัวเองว่าตัวเราเอง ตำหนิใจตัวเอง จนหาคำว่าตัวเราเองไม่ได้แล้วว่าไม่ดีจึงค่อยว่าผู้อื่นเขา ขอให้ระลึกนึกถึงว่า คนเราทุกวันนี้มักมีอายุไม่ค่อยยืนยาว อยู่กันไปไม่ถึง 100 ปี ก็ต้องจากกันไปทุกคน นี้คือความจริงแท้แน่นอน
    ทุกคนที่ได้สดับรับฟังต่างปิติยินดีที่หลวงปู่ได้เมตตาแนะนำกระแสธรรมให้มีจิตระลึกได้ เพราะคนเราทุกวันนี้ลืมนึกไปว่าเกิดแล้วไม่ตาย จึงต่างขวนขวายชิงดีชิงเด่น เอารัดเอาเปรียบกันสารพัด ขาดทมะ คือ ขาดความข่มใจ ไม่รู้จักการให้อภัย ขาดความเมตตาต่อกัน โลกเราทุกวันนี้จึงมีแต่ความร้อนระอุเร่าร้อนกัดกร่อนในการจัดสร้างความดี ก็คงต้องช่วยกันเรียกร้องให้พวกเราทุกคน รู้จักการให้อภัยมีเมตตาต่อกันและกัน สร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงาม เชื่อว่าโลกนี้จักสวยงามน่าอยู่สืบไป
    นอกจากนี้หลวงปู่ยังเป็นครูบาจารย์ที่คอยพูดให้เราเห็น แสดงอาการกระทำให้เรารู้เป็นตัวอย่างทั้งทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ ด้วยจิตปรมัติตั้งมั่นให้ลูกหลานทุกคนสร้างความดี หนีความชั่ว ด้วยการตั้ง
     
  8. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    คุ้มศิษย์ต่างแดน
     
  9. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    เผาขน อบต.
    เหตุการณ์ครั้งหลังจากที่คุณสุเมยถูกรอบยิงแสกหน้าแบบเผาขนที่สุสานทุ่งมน แต่กระสุนมิได้ออกเลยกับแตกคาปากกระบอกปืน ส่วนที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นญาติของคุณนิดรู้จักกับผู้เขียนดี โดยผู้เขียนได้มอบเหรียญพ่อรักลูกให้คุณนิดๆ ได้นำเหรียญขุดสระนี้มอบให้กับน้าชายได้ไม่ถึงสัปดาห์ ขณะเดินทางไปตลาดถูกคู่อริที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน นำปืนลูกโม่จ่อยิงเผาขนจนหมดโม่ แต่ผลไม่ระคายผิวหนังเลยเช่นกัน จากนั้นผู้ร้ายก็วิ่งหนีไป ประชาชนชาวเพชรที่อยู่ระแวกนั้นต่างตรงรี่เข้ามาขอดูว่าคุณแขวนพระดีอะไร? น้าของคุณนิดกล่าวว่ามีเหรียญของหลวงปู่หงส์รุ่นขุดสระ หลานชายมาจากกรุงเทพฯ มอบไว้ให้ พลางสั่งกำชับไว้ว่าให้เก็บไว้ให้ดี เพราะเป็นเหรียญรุ่นแรกและเคยมีประสบการณ์มาแล้วเมื่อหลังจากวันเสร็จพิธีพุทธาภิเษก โดยนายตำรวจได้นำเหรียญขุดสระเนื้อสำริดไปลองยิงดูปรกฏว่าปืนไม่ลั่น แต่ยกขึ้นฟ้าไกปืนทำงานตามปกติจนถึงลูกที่สามก็ยิงไม่ออกเช่นกัน หลวงปู่ท่านทราบและสั่งห้ามว่าทำดีแล้วไม่ต้องลอง แล้วจักเห็นเองยามคับขัน การกระทำเช่นนั้นเป็นการประมาทต่อครูบาอาจารย์ทีหลังอย่าทำอีกเล่นเอาตำรวจผู้นั้นหน้าหง๋อยไป


    <!-- / message -->
     
  10. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    หลวงปู่หงษ์ 'ธรรมะ'พิทักษ์ป่า 'ถ้าคนไม่ทำลายป่า สัตว์ก็ไม่ทำร้ายคน'

    <DD>ได้ฟื้นฟูและอนุรักษ์ผืนป่า "กำไสจาน" ที่มีอาณาบริเวณครอบคลุมไปหลายหมู่บ้านในเขตตำบลสมุด ตำบลโชคนาสาม ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท เมืองสุรินทร์ ด้วยแรงศรัทธาแห่งธรรมะ นอกจากผืนป่าแล้วหลวงปู่หงษ์ก็ยังได้สร้างแหล่งน้ำขึ้นอีกหลากหลายรูปแบบกลางป่า ทั้งขุดสระ ขุดทำนบ สร้างฝายน้ำล้น ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่มนุษย์และสัตว์<DD>จนถึงวันนี้ หลวงปู่หงษ์อายุ 86 ปีแล้ว ก็ยังตั้งใจว่าจะดูแลรักษาป่าต่อไปจนกว่าจะทำไม่ไหว ทั้งนี้ก็เพราะรู้สึกเสมอว่า "การสร้างป่าไม่มีวันจบ ถ้าคนไม่มีป่า ไม่มีน้ำก็อยู่ไม่ได้ สิ้นอายุขัยเมื่อไหร่ก็หยุดทำงาน" หลวงปู่หงษ์กล่าว และว่า ป่าแห่งนี้กลับมาสมบูรณ์ได้เพราะนำปัจจัยที่ได้รับถวายมาเป็นค่าใช้จ่ายมาเป็นค่าอาหารและค่าใช้สอยต่างๆ ให้กับชาวบ้านที่มาช่วยในการสร้างป่า สร้างทำนบ สร้างฝายน้ำล้น เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อน ทำให้ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้ ตลอดจนสัตว์น้อยใหญ่ได้พึ่งพิง ป่ามีประโยชน์มากมาย อยากให้ชาวบ้านช่วยกันดูแลป่าและไม่ทำลายป่า
    เรื่องราวปลูกป่าของหลวงปู่หงษ์เป็นที่กล่าวขานและศรัทธา หลวงปู่หงษ์เป็นชาวบ้านทุ่งมนโดยกำเนิด บวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 18 ปี และอุปสมบทเป็นพระ ณ วัดเพชรบุรี ที่บ้านเกิด โดยได้ฉายานามว่า "พรหมปัญโญ" หลังบวชเป็นพระได้ 3 พรรษา ก็ออกเดินธุดงค์และพำนักตามป่าเรื่อยไปจนเข้าเขตเวียดนาม กัมพูชา โดยจำพรรษาอยู่ในป่าลึกในกัมพูชาราว 30 พรรษา ที่ดินแดนขอมถิ่นอาถรรพ์ที่รวมสรรพศาสตร์ไสยเวทนี้เองที่หลวงปู่ได้พบปะกับครูบาอาจารย์หลากหลายรูปแบบ ได้เรียนรู้เวทมนตร์ คาถามหาเสน่ห์ คาถาเกราะกำบังภัย ทั้งคุ้มครอง แคล้วคลาดจากอาวุธร้ายทั้งปวง และยังได้พบปะผูกมิตรกับสัตว์ร้ายน้อยใหญ่ในป่าที่ท่านเข้าไปพำนักจำพรรษาด้วย
    หลังกลับจากธุดงค์ หลวงปู่หงษ์ได้กลับมาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของ "ป่ากำไสจาน" ผืนป่าที่บ้านเกิด ซึ่งมีพื้นที่กว่า 30,000 ไร่ ถูกบุกรุกทำลายต้นไม้ที่เคยเขียวขจีลดลงไปมาก จึงคิดวิธีการที่จะให้ป่าคงอยู่เพื่อชาวบ้านจะได้เก็บกินดอกผลอย่างยั่งยืน หลวงปู่หงษ์เล่าว่าได้ระดมชาวบ้านให้ช่วยกันขนหินภูเขาไฟที่มีอยู่มากในบริเวณนั้น นำมากองเป็นกำแพงล้อมป่าไว้เป็นพื้นที่ห้ามบุกรุก ให้ชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านร่วมกันดูแลป่าของตนเอง และตั้งชื่อป่าตามชื่อหมู่บ้านนั้นๆ นำงู ตะขาบ แมงป่อง จำนวนนับแสนตัวมาปล่อยไว้ที่บริเวณกองหินที่ล้อมป่าไว้ด้วย เพื่อให้ช่วยกันคุ้มกันดูแลรักษาป่าอีกทางหนึ่ง
    "ถ้าคนไม่ทำลายป่า สัตว์ก็ไม่ทำร้ายคน" หลวงปู่หงษ์บอก และก็เป็นเช่นที่ท่านกล่าวไว้จริงๆ เพราะชาวบ้านที่ไม่บุกรุกทำลายป่า เข้าไปเก็บหาของป่า สมุนไพรมากินมาขายโดยไม่เบียดเบียนผืนป่าเกินความจำเป็น ไม่มีใครได้รับอันตรายจากสัตว์มีพิษที่หลวงปู่หงษ์นำมาปล่อยไว้ในป่าแห่งนี้เลยแม้แต่คนเดียว
    และด้วยความคิดอันแยบยล ท่านยังได้ทำป้ายติดประกาศน้อมเกล้าฯ ถวายพื้นที่ป่าเหล่านั้นให้เป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองราชย์ครบ 50 ปีด้วย หลังจากสร้างป่าแล้วหลวงปู่หงษ์ก็ขยับไปสร้างแหล่งน้ำในป่ากำไสจาน ใช้ความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านอีกเช่นกัน โดยใช้ปัจจัยที่ได้รับถวายสร้างประโยชน์เพื่อส่วนรวม เช่น สระพนมยายจรู๊กในป่ายายจรู๊ก ทำนบหนองหัวแรด สระตาตวล ขุดทำนบกลางป่าสงวนแห่งชาติหลายพื้นที่ สร้างฝายน้ำล้นกั้นลำน้ำชี เป็นต้น ทำให้ชุมชนได้อาศัยน้ำทำการเกษตร เป็นแหล่งน้ำให้ทั้งคนและสัตว์ ทั้งยังมีสัตว์น้ำไว้เป็นแหล่งอาหารให้กับชาวบ้านอีกด้วย.</DD>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • de.jpg
      de.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.9 KB
      เปิดดู:
      2,161
    • ew3.jpg
      ew3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.9 KB
      เปิดดู:
      2,187
  11. ออกมาดูโลก

    ออกมาดูโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +925
    ใครที่มีประสบการณ์พระเครื่องของหลวงปู่บ้างครับ.
     
  12. กัมมสัทธา

    กัมมสัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +383
    มีเรื่องยุ่งๆเกี่ยวกับ วัตถุมงคลออกโดยกองทุนปลุกป่า ปวดหัวจัง หายไปไหนแล้วเวปกองทุนปลูกป่านะ แย่จัง ได้ข่าวว่า หลวงปู่อาพาธ เป็นไงบ้าง ได้ข่าวช่วยบอกหน่อย( ขออภัยเจ้าของรูปยืมหน่อยนะ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,170
    ย้ายวัดดัดหลัง

    [​IMG]ไม่มีอำนาจอะไรสู้รบกับกร_รมกิ_นได้ดีไปกว่าย้ายที่อยู่เมื่อหลวงปู่รักษาอาพาทหายแล้วหลวงปู่ไปอยู่ระนองไม่มีกำหนด.....[​IMG]
     
  14. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    ยังไม่มีประสบการณ์แต่มีพระของหลวงปู่หงษ์ติดตัวค่ะ เป็นงาช้างแกะเป็นรูปหลวงปู่หงษ์
    ได้นำไปให้หลวงปู่ทองที่วัดเกาะเมตตาจับพลังให้ จากพระหลายองค์ที่รวมอยู่ในกล่อง หลวงปู่ทองท่านหยิบพระของหลวงปู่หงษ์ขึ้นมาและถามว่า องค์นี้ของที่ไหน ท่านว่าดีให้ใส่องค์นี้ติดตัวค่ะ ก็เลยใส่ติดตัวมาตลอดค่ะ;)
     
  15. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,353
    มีพระหลวงปู่หลายอย่าง พกแล้วรู้สึกสบายใจอุ่นใจมั่นใจท่านมาก ๆ ครับ
    สุดยอดแห่งความอุ่นใจที่ผมมีอยู่คือ สมเด็จดำมหาปรารถนาฝังตะกรุด 5 ดอก
    กับกริชปากกา มีกริชปากกาแล้วรู้สึกเต็มที่แล้วครับเพราะปากกาหลวงปู่ท่านบอกว่าดีพันอย่าง ไม่ใช่แค่ร้อยแปดครับ
     
  16. non901

    non901 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,433
    ตอนข่าว...เวปปลูกป่า ชักไม่แน่ใจของเราแท้หรือเปล่า เลยไม่ได้นำขึ้นคอเลย แต่ไม่รู้ยังไง มองดูองค์พระแล้ว...สวยจับใจ เลย นิมนต์ขึ้นคอตามเดิม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 001.jpg
      Picture 001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      165.9 KB
      เปิดดู:
      372
  17. มิ่งเมือง

    มิ่งเมือง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    730
    ค่าพลัง:
    +2,343
    ขึ้นคอเหมือนกันครับ ผมก็นำพระกริ่งเพชรสุรินทร์ ขึ้นคอ

    ของหลวงปู่ที่มีประสบการณ์กันมากมายเช่น พระยาพาลี อันนี้ประสบการณ์เยอะครับ
    หรือจะเป็น พี่พ่วงเพชร พี่คงทอง ก้ใช่ย่อยครับ

    ที่ผมมีติดตัวคือ พระกรุ่งเพชรสุรินทร์ พระยาพาลี ตระกรุดลูกปืนพระอุปคุต กุมารเทวฤิทธิ์ กุมารพี่พ่วงเพชร รูปหลวงปู่ติดหน้ารถ

    ดู ๆ แล้วเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
     
  18. เทวทูต

    เทวทูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +1,025
    เทพนางจันไงครับ มีจริง ท่านช่วยจริงๆ
     
  19. กัมมสัทธา

    กัมมสัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +383
    มาคู่เลย นั่งรวย กับกริ่งชาตรี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. กัมมสัทธา

    กัมมสัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +383
    ได้ข่าวหลวงปู่กลับวัดแล้ว เท็จจริง ใครทราบช่วยตอบหน่อย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PA010017.JPG
      PA010017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      689.3 KB
      เปิดดู:
      318
    • PA010012-1.JPG
      PA010012-1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      252
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...