เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๘

​

 

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังหอประชุม มวก. ๔๘ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถนนพหลโยธิน หมู่ที่ ๑ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อร่วมในงานปัจฉิมนิเทศโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๓๑ ซึ่งมีพระวัดท่าขนุนเข้าร่วมอบรมและจบการอบรมมาทั้งสิ้น ๔ รูป ประกอบไปด้วย ท่านชู้ต (พระชุติกานต์ อภินนฺโท) มหาหนึ่ง (พระมหานันทวัฒน์ อคฺคธมฺโม) ท่านภีม (พระกวีวัธน์ สทฺธาธิโก) และท่านรัณ (พระณารัณย์ อํสุการี) ซึ่งทุกท่านได้รับคำชมเชยจากครูบาอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึงปรากฏว่ามีงานนอกกำหนดการ ก็คือมีการมอบพระบรมสารีริกธาตุ และหนังสือพุทธธรรมของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ ๙) วัดญาณเวศกวัน พระบรมสารีริกธาตุนั้นเกิดจากศรัทธาของมิสเตอร์เตียว พุทธศาสนิกชนชาวมาเลเซีย ได้นำเอาพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแบบมีฐานไฟกระพริบ และพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้พระเจดีย์ละ ๑ องค์ ถวายให้แก่พระธรรมทูตเกียรติคุณ และพระธรรมทูตผู้จบโครงการในครั้งนี้

กระผม/อาตมภาพไปถึงก็ตั้งใจที่จะไปลงทะเบียนก่อน แต่ปรากฏว่าหาดูในรายชื่อพระธรรมทูตเกียรติคุณแล้วไม่มีเลย ให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยกันดูอีก ๒ - ๓ สายตาก็หาชื่อไม่เจอ ทางเจ้าหน้าที่จึงเชิญกระผม/อาตมภาพเข้าไปนั่งทางด้านในก่อน บอกว่าเดี๋ยวค่อยแก้ไขปัญหากันทีหลัง

เมื่อเข้าไปถึง จึงไปร่วมรับการถวายพระบรมสารีริกธาตุ แล้วได้คุยกับท่านเจ้าคุณสุรศักดิ์ - พระสิทธิวัชรบัณฑิต, ผศ.ดร. (สุรศักดิ์ ปจฺจนฺตเสโน ป.ธ. ๗) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประธานคณะกรรมการโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๓๑ เรียนบอกท่านว่า "รายชื่อตกหล่นครับ"

ท่านได้ยินแล้วก็ยังทำท่าตกใจ เรียกหาเลขานุการและผู้ทำงานอยู่ทางด้านหน้าโต๊ะมาสอบถาม ๒ - ๓ ราย ท้ายที่สุดก็กลับมาขอโทษขอโพย บอกว่า "เดี๋ยวจะเพิ่มเติมชื่อของหลวงพ่อต่อท้ายเอาไว้ แล้วให้รับโล่และประกาศเกียรติคุณของบุคคลที่ไม่ได้มาแทน"

 

กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่เป็นไรท่านเจ้าคุณ การทำงานย่อมมีผิดพลาด ต้องแก้ไขหน้างานกันเป็นปกติ เรื่องแค่นี้เมื่อท่านเจ้าคุณทำโล่และประกาศเกียรติคุณเสร็จแล้ว ค่อยส่งไปให้กระผมทีหลังก็ได้"

ท่านเจ้าคุณสุรศักดิ์บอกว่า "หลวงพ่อเล็กสมกับเป็นพระกรรมฐาน ผมเจอพระวิปัสสนาจารย์หลายท่าน ในเหตุการณ์คล้ายคลึงแบบนี้ แต่ละท่านต่อว่าผม บางท่านก็ถึงขนาดด่าเลยก็มี..! มีแต่หลวงพ่อเล็กเท่านั้นแหละ ที่บอกว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงาน ต้องมีผิดพลาดให้แก้ไข" กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "เรื่องนี้เป็นสัจธรรม ก็คือเป็นความจริงที่ว่า เราทั้งหลายทำงานต้องมีผิดพลาดเป็นธรรมดา บุคคลที่จะไม่ผิดเลยนั้นไม่มี"

เมื่อรับการถวายพระบรมสารีริกธาตุและหนังสือพุทธธรรมแล้ว พวกเราก็ไปฉันเพลร่วมกัน ตอนแรกบรรดาท่านเจ้าคุณต่าง ๆ แม้กระทั่งท่านเจ้าคุณสุรศักดิ์ เดินมาถึงก็แปะลงโต๊ะเดียวกับกระผม/อาตมภาพไปตาม ๆ กัน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เขามาเชิญให้เข้าไปโต๊ะพิเศษภายในห้องปรับอากาศ กระผม/อาตมภาพบอกว่า ""นิมนต์ทุกท่านเถอะครับ ของผมเริ่มแล้วจะไม่ลุกจนกว่าจะอิ่ม" ทำเอาอีกท่านหนึ่งซึ่งนั่งข้างเคียงกัน บอกว่า "ผมก็เหมือนกัน ถ้าหากว่านั่งลงแปลว่าฉันจนอิ่ม ถ้าไม่อิ่มก็ไม่ลุก"

เมื่อฉันกันเสร็จแล้วจึงได้ย้อนกลับเข้าไปในหอประชุม เพื่อตรวจสอบที่นั่งกันอีกทีหนึ่ง และขณะเดียวกันก็ร่วมกันต้อนรับพระมหาเถระ ซึ่งเดินทางมาร่วมงานในวันนี้ ประกอบไปด้วย หลวงพ่อเอียด - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรสิทธาจารย์ (ละเอียด สุทนฺโต) เจ้าคณะภาค ๑๕ เมื่อเข้าไปกราบ ท่านก็จำได้ทันที เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเพิ่งจะเอาผ้าป่าไปทอดถวายที่วิทยาลัยสงฆ์เพชรบุรี โดยที่มีหลวงพ่อท่านเป็นประธานในงาน แล้วก็ยังได้กราบพระมหานายกะฝ่ายอัสคีรียะ ของประเทศศรีลังกา ซึ่งเดินทางมาร่วมรับโล่พระธรรมทูตเกียรติคุณด้วยกัน

เมื่อถ่ายรูปกับท่านและท่านอารีรัตนะแล้ว กระผม/อาตมภาพเพิ่งกลับเข้าที่นั่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ก็มานั่งแปะอยู่ด้านข้าง กราบเรียนท่านว่า "ที่นั่งหลวงพ่ออยู่ด้านหน้าครับ" ท่านบอกว่า "เดี๋ยวนั่งคุยกับหลวงพ่อเล็กก่อน" ท้ายที่สุดก็สรุปว่าปีนี้ท่านอายุ ๘๐ ปี จะเกษียณอายุแล้ว "งานวันเกิด ๘๐ ปี เดือนกันยายน นิมนต์หลวงพ่อเล็กด้วยนะครับ" กระผม/อาตมภาพก็รับไว้ด้วยความยินดี

 

อีกสักครู่หนึ่ง ท่านเจ้าคุณพล - พระเดชพระคุณพระธรรมวชิโรดม, รศ.,ดร. (พล อาภากโร ป.ธ. ๙) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็เข้ามาคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ กราบหลวงพ่อพระพรหมเสนาบดี แล้วก็ไม่ยอมลุกขึ้น สอบถามสารทุกข์สุขดิบและพูดคุยกันไปเรื่อย

ตามไปด้วยท่านเจ้าคุณอาจารย์ประสิทธิ์ - พระเทพปวรเมธี, รศ.,ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี, ป.ธ. ๙) ท่านบอกว่าวันนี้ไม่ได้มาในฐานะรองเจ้าคณะภาค ๑๕ แต่ว่ามาแทนองค์อธิการบดี ก็คือพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ., ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

กระผม/อาตมภาพจึงได้สอบถามถึงเรื่องการประชุมคณะกรรมการศีล ๕ หนกลาง ท่านบอกว่า "ยังหาเวลาไม่ได้" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "อย่างไรก็ต้องก่อนวันที่ ๒๐ นี้นะครับ เพราะว่าวันที่ ๒๐ นี้ กระผม/อาตมภาพได้รับการนิมนต์จากทางเติมเต็มทราเวล ให้ไปตะลุยเส้นทางสายไหม เพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาที่บริเวณตุนหวง ถ้ำโม่เกาคู เหล่านั้นเป็นต้น"

การไปครั้งนี้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเป็นทริปเล็ก ๆ ใช้รถขับเคลื่อน ๔ ล้อ หรือว่ารถตู้เท่านั้น แต่เมื่อวานนี้ ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เพิ่งจะมารายงานว่า เส้นทางนั้นทางประเทศจีนกำหนดให้ใช้รถทัวร์ขนาดเล็กสุดก็ ๓๗ ที่นั่ง ถ้าอย่างนั้นกระผม/อาตมภาพก็ขอให้ลูกกิฟท์รับลูกทัวร์เพิ่มขึ้นได้ แต่ว่าราคาค่อนข้างสูง เนื่องเพราะว่าเราเดินทางไปเมืองอูลู่มู่ฉี หรือเมืองอุรุมชี และเมืองถูลู่ฟานหรือทูร์ฟานด้วย ซึ่งสถานที่แต่ละแห่งก็ห่างไกลกันมาก มีการเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงอีกต่างหาก แถมตลอดระยะเส้นทางยังให้พักโรงแรมชั้น ๑ ทุกแห่ง

 

กระผม/อาตมภาพเตือนว่าราคาจะแพงโดยใช่เหตุ ถ้าไปเปรียบกับของคนอื่นแล้ว เห็นเขาราคาต่ำกว่าหลายหมื่น ลูกกิฟท์ยังบอกว่าเขาใช้คำว่า "เริ่มต้นที่" ไม่ได้แปลว่าราคานั้น เป็นราคาในฝันก็คือทุกคนคิดว่าถูก แต่พอถึงเวลาเขาแจ้งเพิ่มโน่นเพิ่มนี่มาก็จะแพงโดยใช่เหตุ

เมื่อได้ยินว่ากระผม/อาตมภาพจะไม่อยู่ ท่านเจ้าคุณอาจารย์ประสิทธิ์บอกว่า "เดี๋ยวจะให้เลขารีบหาวันให้" แล้วก็ชักชวนกันออกไปต้อนรับพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ องค์ประธานในพิธีครั้งนี้ เมื่อออกไปแล้ว ขาขึ้นมาจะเป็นการขึ้นทางด้านลิฟท์ กระผม/อาตมภาพจึงขึ้นบันไดมาดักหน้าแทน

เมื่อส่งพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เข้าไปนั่งที่แล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าที่ของตนเอง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ แต่ว่าตนเอง เมื่อตอนรับโล่และประกาศเกียรติคุณพระธรรมทูตเกียรติคุณนั้น ต้องไปห้อยท้ายอยู่ในบรรดาพระธรรมทูตเกียรติคุณทั้งหมด แล้วถึงจะต่อด้วยฆราวาสที่ได้รับการยกขึ้นเป็นธรรมทูตเกียรติคุณ และธรรมทูตกิตติมศักดิ์ แล้วถึงจะเป็นบรรดาพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ ๓๑ นี้

กระผม/อาตมภาพถวายปัจจัยให้พระธรรมทูตของวัดท่าขนุนทั้ง ๔ รูป ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท รับโล่เกียรติคุณแล้วก็ส่งคืนให้ บอกว่า "เอาไปคืนเจ้าของเขาด้วย ส่วนของกระผม/อาตมภาพ ถ้าทำเสร็จแล้วก็ส่งไปที่วัดท่าขนุน หรือไม่ก็รอให้ทางมหาจุฬาฯ มีงาน กระผม/อาตมภาพจะมารับด้วยตนเอง"

จากนั้นก็ขอตัวเดินทางกลับ ซึ่งการเดินทางกลับนั้นก็เป็นการกลับในลักษณะต้องตั้งสติ เพราะดูเหมือนกว่าการอยู่ในหอประชุม มวก. ๔๘ พรรษานั้น อากาศที่เย็นมาก ทำให้มาลาเรียทำท่าจะกำเริบอีกแล้ว หลังจากบันทึกเสียงธรรมนี้เสร็จ ก็คงจะต้องฉันยาเพื่อระงับอาการเสียก่อน น่าจะไม่ต้องสรงน้ำสรงท่ากันแล้วสำหรับวันนี้ พรุ่งนี้ตอนไปหาหมอทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่ายค่อยไปสรงน้ำตอนนั้นแล้วกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)