ติดตามสถานะการณ์

สงครามอิสราเอล-อิหร่าน-3

ทำไมทรัมป์ตั้งท่าจะโจมตีอิหร่าน เครื่องบิน Doomsday ที่ใช้บัญชาการในสงครามนิวเคลียร์ ก็บินเข้ารอเตรียมพร้อมที่ยุโรปแล้ว

จู่ๆ ก็เลื่อนไป 2 สัปดาห์ อ้างว่า จะให้โอกาสเจรจาการฑูตก่อน?

รูป 1-4 แสดงผลจากขีปนาวุธอิหร่าน ที่เจาะทะลุ Iron Dome หลายเมืองในอิสราเอล

ทางการแบนการสื่อสารภาพทำนองนี้ แต่ว่อนในโซเชียล โดยเฉพาะจากนักข่าวจีนในพื้นที่

เมื่ออิหร่านปล่อยโดรนเป็นชุด ให้โดรนเป็นตัวล่อเป้าก่อน โดยมีขีปนาวุธยิงตามมาติดๆ วิธีนี้จึงมีโอกาสทะลุเข้าไปสูง

แต่ปัจจัยที่ทำให้ทรัมป์ฉุกคิด น่าจะเป็นขีปนาวุธ Hypersonic

รูป 5 แสดงขีปนาวุธนี้ จะแหวกอากาศที่หัวรบ เหมือนที่รัสเซียยิงเข้ายูเครน

อิหร่านอ้างความเร็ว 15 เท่าของเสียง

รูป 6 กองทัพอิหร่านได้ประกาศเตือน ให้ชาวอิสราเอลอพยพออกจากเมือง Dimona

ซึ่งข่าวกรองบอกว่า เป็นแหล่งเก็บระเบิดนิวเคลียร์ของอิสราเอล และเมื่อถูกโจมตี กัมมันตภาพรังสีอาจแผ่กระจาย

ดังนั้น อิสราเอลกำลังจะเจอปัญหาใหญ่ เพราะถ้าหากสหรัฐไม่เข้ามาช่วย สงครามจะเคลื่อนเข้าสู่ war of attrition คือลากยาว

กระสุนที่อิสราเอล ใช้ยิงสกัดโดรนและขีปนาวุธอิหร่าน ขณะนี้เริ่มมีปัญหา กำลังจะร่อยหรอ เพราะส่วนใหญ่ผลิตที่สหรัฐ

และสหรัฐถูกจำกัดวัตถุดิบ

รูป 7 โลหะภายนอกของกระสุน จะต้องทนความร้อนได้สูง โดยต้องผสมแร่ทังสเตน

แต่บัดนี้ จีนซึ่งคุมการผลิต 80% ของโลก จำกัดปริมาณส่งออก

น่าวิเคราะห์ต่อไปว่า ถ้าสหรัฐหรืออิสราเอล จะเร่งผลิตขีปนาวุธ Hypersonic เพื่อเอามาแข่งกับอิหร่าน จะเป็นไปได้ไหม?

รูป 8 แสดงชิ้นส่วนอุปกรณ์ขีปนาวุธนี้ ที่หลายชิ้นส่วน จำเป็นต้องใช้แร่หายาก rare earth

และบัดนี้ จีนห้ามส่งออกสำหรับผลิตอาวุธไปแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้

อิหร่านยิงขีปนาวุธ Hypersonic น่าจะแค่เพียงลูกเดียว แต่ทำให้กองทัพสหรัฐตระหนักทันที ว่าจำเป็นต้องทบทวนแผน

อิหร่านอ้างว่าขีปนาวุธ Hypersonic ใช้เวลาถึงอิสราเอลเพียง 400 วินาที

ไม่มีระบบป้องกันใด ที่สามารถสกัดได้ทัน รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ ซึ่งเวลา 400 วินาที จะเป็นเสมือนหนึ่งเป้านิ่ง

มาถึงวันนี้ อิสราเอลอาจจะเข้าสู่ยุคลำบาก เป็นครั้งแรก

จากเดิมที่เอาชนะอาหรับมาได้ตลอด ตั้งแต่นี้ไป กลับจะต้องเปลี่ยนเป็นตั้งรับ

อาจจะต้องเผชิญ war of attrition คือสงครามลากยาว เหมือนยูเครน

โดยทรัมป์ เมื่อคิดแล้วคิดอีก อาจจะฟันธงว่า ไม่คุ้มที่จะเข้าไปแทรก

วันที่ 20 มิถุนายน 2568

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

https://www.facebook.com/share/p/1Dxi7UReri/

 

ทรัมป์แสดงความสงสัยต่อคำร้องขอหยุดยิงของอิหร่าน ระบุว่า “อิสราเอลกำลังเป็นฝ่ายชนะ”
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า จะเป็นเรื่อง “ยากมาก” ที่จะหยุดสงครามของอิสราเอลกับอิหร่านชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาโดยตรงกับสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าอิสราเอล “กำลังทำได้ดี” ในความพยายามที่จะทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน อับบาส อารักจี บอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศยุโรปเมื่อวันศุกร์ว่า อิหร่านจะไม่เจรจาโดยตรงกับสหรัฐฯ ตราบใดที่อิสราเอลยังคงเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอยู่ ตามข้อมูลจากนักการทูตยุโรป 2 คนที่มีส่วนร่วมในการหารือโดยตรง
ทรัมป์กล่าวว่า: “ผมคิดว่ามันยากมากที่จะขอในตอนนี้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังได้เปรียบ มันก็ยากกว่าที่จะหยุดได้มากกว่าตอนที่ฝ่ายหนึ่งกำลังเสียเปรียบ”
ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบริเวณลานบินนอกเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน
“แต่เราพร้อม เต็มใจ และสามารถเจรจาได้ เรากำลังพูดคุยกับอิหร่านอยู่ และเราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขากล่าว โดยอ้างถึงการติดต่อโดยตรงระหว่างสตีฟ วิตคอฟ ทูตพิเศษจากทำเนียบขาว กับรัฐมนตรีอารักจี
ทรัมป์กล่าวว่าเขา “อาจ” สนับสนุนการหยุดยิง “ขึ้นอยู่กับสถานการณ์” แต่เน้นว่าสิ่งนั้นอาจเป็นไปไม่ได้ เพราะอิสราเอล “กำลังทำได้ดีในแง่ของสงคราม และอิหร่านกำลังอยู่ในสถานะที่ด้อยกว่า”
การพบกันที่นครเจนีวาระหว่างอับบาส อารักจี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กับคณะนักการทูตระดับสูงจากสหภาพยุโรป ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมนี ถือเป็นการเจรจาแบบพบหน้าครั้งแรกระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากสงครามเมื่อสัปดาห์ก่อน
การประชุมนี้เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าเขาจะตัดสินใจ “ภายในสองสัปดาห์” ว่าจะโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านหรือไม่ โดยยังเปิดทางให้มีการแก้ไขปัญหาผ่านการทูต
สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี ได้ประสานงานกับฝ่ายบริหารของทรัมป์เพื่อเตรียมความพร้อม แต่ทรัมป์แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับความพยายามทางการทูตของยุโรป โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า: “อิหร่านไม่ต้องการพูดคุยกับยุโรป พวกเขาต้องการพูดคุยกับเรา ยุโรปจะช่วยอะไรไม่ได้ในเรื่องนี้”
การประชุมสองชั่วโมงเมื่อวันศุกร์กับฝ่ายอิหร่านยังไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าทางการทูตได้ โดยทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เสนอข้อเสนอใหม่ใด ๆ
นักการทูตยุโรปกล่าวว่า การพูดคุยครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการมีปฏิสัมพันธ์ และทุกฝ่ายตกลงจะกลับมาพบกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
นักการทูตยุโรปเปิดเผยกับ Axios ว่า ฝ่ายอิหร่านดูมีท่าทีเปิดกว้างมากกว่าการเจรจาที่ผ่านมา ไม่เพียงในเรื่องการจำกัดโครงการนิวเคลียร์ แต่ยังรวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่ไม่ใช่นิวเคลียร์อีกหลายประเด็น
ประเด็นเหล่านี้รวมถึง โครงการขีปนาวุธของอิหร่าน เครือข่ายตัวแทนในภูมิภาค การให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่รัสเซีย และ ชาวยุโรปที่ถูกควบคุมตัวในอิหร่าน
อารักจีแจ้งต่อรัฐมนตรีต่างประเทศยุโรปว่า อิหร่านยินดีที่จะจำกัดการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในลักษณะเดียวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ซึ่งสหรัฐฯ ถอนตัวออกโดยประธานาธิบดีทรัมป์ในปี 2018 — แต่ย้ำชัดว่าอิหร่าน จะไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมโดยสิ้นเชิง
รัฐมนตรีต่างประเทศยุโรป เรียกร้องให้อารักจีเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลทรัมป์ และเสนอให้มีผู้แทนสหรัฐฯ เข้าร่วมในการเจรจาครั้งต่อไป — แต่ อารักจีปฏิเสธข้อเสนอ ดังกล่าว ตามข้อมูลจากนักการทูตยุโรป
แม้รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านยังคงมีการติดต่อโดยตรงกับ สตีฟ วิตคอฟ ตั้งแต่สงครามเริ่มต้น แต่อารักจีได้ย้ำอีกครั้งที่เจนีวาว่า อิหร่านจะไม่เจรจากับสหรัฐฯ ตราบใดที่อิสราเอลยังคงดำเนินการโจมตีอยู่
ถ้อยแถลงจากฝั่งยุโรป: “รัฐมนตรีจากกลุ่ม E3 และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปได้ย้ำถึงความกังวลที่มีมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับการขยายตัวของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน” — รัฐมนตรีต่างประเทศยุโรปกล่าวในแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุม
“พวกเขาได้หารือถึงแนวทางการหาทางออกผ่านการเจรจาต่อโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน พร้อมเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์นี้”
ในฝั่งอิหร่าน อับบาส อารักจี ให้สัมภาษณ์สื่ออิหร่านหลังการประชุมว่า เตหะรานยังคงมุ่งมั่นในแนวทางการทูต และ พร้อมที่จะพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศยุโรปอีกครั้ง
เขาเน้นว่า อิหร่านจะไม่เจรจาเรื่องขีดความสามารถด้านการป้องกันตนเอง
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป:
นักการทูตยุโรปกล่าวว่า พวกเขาได้ชี้ชัดในการประชุมว่า เวลากำลังจะหมดลงในการหาทางออกทางการทูต
อารักจีมีกำหนดเดินทางไปยัง อิสตันบูลในวันเสาร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมขององค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC)
ในวันจันทร์ เขาคาดว่าจะเดินทางไปยัง มอสโก เพื่อพบกับ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และหารือเกี่ยวกับสงคราม ตามข้อมูลจากนักการทูต
การประชุมครั้งต่อไปกับรัฐมนตรียุโรป น่าจะเกิดขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางทั้งสองนี้ — ซึ่งอาจทำให้กรอบเวลาสองสัปดาห์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวไว้ แคบลงอย่างมาก
Axios
21/6/2026
https://www.facebook.com/share/p/1BnT7waLRc/

 

เจ้าแห่งเล่ห์กล
ยังไม่ชัดว่า โดนัลด์ ทรัมป์กำลังทำลายอิสราเอล หรือทำลายอิหร่านกันแน่?
ล่าสุด ทรัมป์แสดงความสงสัยต่อคำร้องขอหยุดยิงของอิหร่าน ระบุว่า “อิสราเอลกำลังเป็นฝ่ายชนะ”
เขาบอกต่อไปว่า มันเป็นเรื่อง “ยากมาก” ที่จะหยุดสงครามของอิสราเอลกับอิหร่านชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาโดยตรงกับสหรัฐฯ พร้อมระบุว่าอิสราเอล “กำลังทำได้ดี” ในความพยายามที่จะทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
อิสราเอลกำลังชนะ? ทรัมป์พูดออกมาได้อย่างไรประโยคนี้ ซึ่งขัดกับความเป็นจริงที่ว่า อิสราเอลกำลังถูกอิหร่านบอมบ์อย่างหนัก และระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล (Iron Dome)กลายเป็นตะกร้ารั่วที่ไม่สามารถต้านทานขีปนาวุธของอิหร่านได้
หากทรัมป์ไม่ยื่นมือเข้าช่วย อิสราเอลจะถูกอิหร่านบอมบ์ไปเรื่อยๆ ด้วยขีปนาวุธละโดรนวันละ100-200ลูก ไม่ช้าอิสราเอลจะกลายเป็นกาซ่า 2
ในขณะเดียวกัน เบนจามิน เนทันยาฮูกลับเงียบกริบ ไม่ออกมาแถลงข่าวว่ากำลังจะชนะอิหร่านแล้วอย่างไร หรือเรียกร้องให้สหรัฐและประชาคมโลกเข้ามาช่วยอิสราเอล
ผิดวิสัยเนทันยาฮู
แต่ก็อย่าลืว่าทรัมป์เป็นเจ้าแห่งเล่ห์กล (Master of Deception) ทรัมป์อาจจะดูบ้าๆบอๆ พูดจาไม่มีเหตุผล แต่เขารู้ดีว่าเขากำลังทำอะไร
หรือว่าทรัมป์กำลังดึงเกมให้ช้าลงเพื่อให้อิสราเอลประสบกับหายนะจากขีปนาวุธของอิหร่านจนถึงที่สุด หรือถึงจุดที่การดำรงอยุ่ของอิสราเอลใกล้ปิดฉากลง เมื่อเวลานั้นมาถึง เนทันยาฮูจะนำเอานิวเคลียร์ออกมาใช้ ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ Samson Optionที่จะทำลายโลก?
By Thanong Khanthong
21/6/2025
https://www.facebook.com/share/p/19HLhLeZSV/

 

The Samson Option
หนังสือ The Samson Option: Israel’s Nuclear Arsenal and American Foreign Policy เขียนโดย Seymour Hersh ผู้สื่อข่าวชื่อดังของสหรัฐสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี1991 หนังสือเล่มนี้เป็นงานเขียนเชิงสืบสวนที่เปิดเผยประวัติความลับของ โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล และผลกระทบลึกซึ้งต่อ นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และ ภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง
"Samson Option" หมายถึงแนวคิดของฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลที่ว่า หากอิสราเอลเผชิญกับภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของรัฐอย่างรุนแรง ก็อาจใช้ อาวุธนิวเคลียร์เป็นทางเลือกสุดท้าย เปรียบได้กับการที่ "แซมซั่น" (ตัวละครในคัมภีร์ไบเบิล) ทำลายวิหารลงมาทับทั้งตนเองและศัตรู
เรื่องราวของแซมซั่นมีดังนี้:
ในดินแดนของอิสราเอล ผู้คนต้องทนทุกข์ภายใต้การปกครองของชาวฟีลิสเตีย ทำให้พระเจ้าทรงส่งแซมซั่นมาช่วย
ก่อนที่แซมซั่นจะเกิด มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกพ่อแม่ของแซมชั่นว่า ลูกชายของพวกเขาถูกเลือกโดยพระเจ้าเพื่อช่วยปลดปล่อยอิสราเอล แต่มีข้อแม้คือ แซมซั่นจะต้องเป็น นาซีไรต์ ซึ่งหมายถึงการถือคำปฏิญาณพิเศษ เช่น ห้ามตัดผมเด็ดขาด เพราะ พละกำลังของเขามาจากเส้นผม
เมื่อเติบโตขึ้น แซมซั่นกลายเป็นผุ้ชายที่มีพลังมหาศาลเหนือมนุษย์ เขาสามารถฉีกสิงโตเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือเปล่า และเขาเคย ฆ่าชาวฟีลิสเตียหนึ่งพันคนด้วยกระดูกขากรรไกรของลา
แต่แซมซั่นมีจุดอ่อน—เขามักทำตามใจตนเอง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับ ผู้หญิง
วันหนึ่ง แซมซั่นตกหลุมรักหญิงสาวชื่อ เดไลลา ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนของชาวฟีลิสเตีย พวกผู้นำฟีลิสเตียเสนอเงินจำนวนมากให้เดไลลา หากเธอสามารถหาความลับของพลังแซมซั่นได้
เดไลลาถามแซมซั่นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ในตอนแรกเขาจะโกหกเธอ แต่สุดท้ายเขาก็เผยความจริงว่า:
“พละกำลังของข้าอยู่ในเส้นผม หากถูกตัด ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนคนธรรมดา”
คืนนั้น ขณะที่แซมซั่นหลับอยู่ เดไลลาตัดผมของเขา พวกฟีลิสเตียบุกเข้ามาจับตัวเขา ควักดวงตาออก และนำเขาไปเป็นทาส
หลายปีต่อมา ชาวฟีลิสเตียจัดงานเลี้ยงใหญ่ในวิหาร โดยนำแซมซั่นออกมาเพื่อเยาะเย้ยเขา พวกเขาไม่รู้เลยว่า ผมของแซมซั่นเริ่มยาวขึ้นอีกครั้งแล้ว
แม้จะตาบอดและอ่อนแอ แซมซั่นอธิษฐานต่อพระเจ้า:
“พระเจ้า ขอประทานพลังแก่ข้าครั้งสุดท้าย ให้ข้าได้ล้มวิหารนี้ลงทับศัตรูของพระองค์”
จากนั้นเขาผลักเสาหลักของวิหารอย่างสุดแรง วิหารทั้งหลังถล่มลงมา ทับทั้งแซมซั่นและชาวฟีลิสเตียจำนวนมาก มันคือการเสียสละครั้งสุดท้ายของเขา
ตำนานของแซมชั่นถึงถูกนำมาใช้กับนโยบายความมั่นคงของอิสราเอลในช่วงก่อตั้งรัฐ ในขณะที่อิสราเอลหาทางครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเปรียบเหมือนพลังของแซมชั่นที่ไม่มีประเทศใดในตะวันออกกลางทัดเทียม หรือต่อรองได้
ในหนังสือ Samson Option เฮิร์ซอธิบายว่า อิสราเอลเริ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับๆ ตั้งแต่ปี 1950 โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ โรงงานนิวเคลียร์ Dimona ในทะเลทรายเนเกฟ ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังตกเป็นหนึ่งในเป้าที่สำคัญของขีปนาวุธอิหร่านหากสงครามขยายวงอย่างกู่ไม่กลับ
ฝรั่งเศสมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้อิสราเอลเริ่มต้นโครงการนี้ในช่วงแรก ในขณะที่รัฐลึกของสหรัฐหรือซีไอเอให้ความช่วยเหลืออิสราเอลอย่างเต็มที่ แน่นอนโครงการนิวเคลียร์เป็นโครงการลับสุดยอดของอิสราเอลที่ได้รับการปกปิดอย่างมิดชิด
ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ของสหรัฐล่วงรู้ถึงโครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล เขาไม่เห็นด้วยกับการที่อิสราเอลจะมีนิวเคลียร์ครอบครอง เพราะว่ามันขัดกับสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) และกฎหมายภายในของสหรัฐฯและจะทำให้ดุลอำนาจในตะวันออกกลางเปลี่ยนไป เขาสั่งให้มีการตรวจสอบ และยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล หนึ่งในเหตุผลที่เคนเนดี้ถูกฆ่าในปี 1963 เพราะว่าเขาต้องการขัดขวางโครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล และยกเลิกUS Federal Reserve ซึ่งเป็นธนาคารของเอกชนที่ทำหน้าที่พิมพ์เงินดอลล่าร์ให้รัฐบาลสหรัฐ
ต้ังแต่นั้นมา อิสราเอลใช้นโยบาย “คลุมเครือนิวเคลียร์” (nuclear ambiguity) คือไม่ยืนยันและไม่ปฏิเสธว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ ล่าสุดมีรายงานว่า อิสราเอลมีหัวรบนิวเคลียร์มากถึง90ลูก
หลังจากการลอบสังหารเคนเนดี Ron Paul อดีต สส สังกัดพรรครีพับรีกันจากเท็กซัสบอกว่า แนวNew World Orderที่ต้องการรวบอำนาจเพื่อสร้างรัฐบาลโลก ก็ถือกำเนิดขึ้นมา รัฐบาลที่มาต่อจากเคนเนดี้ต่างก็ทำไม่รู้ไม่ชี้กับโครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล และยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือทางทหารและการเงินแก่อิสราเอลอย่างต่อเนื่อง
การมีอาวุธนิวเคลียร์ทำให้อิสราเอลมี อำนาจเหนือทางยุทธศาสตร์ในตะวันออกกลาง ที่สำคัญ “Samson Option” กลายเป็นทั้งกลไกข่มขู่และ เครื่องต่อรองทางการทูต กับทั้งศัตรูและพันธมิตร เพราะหากอิสราเอลเห็นว่า การดำรงอยู่ของตนมีภัย จะใช้นิวเคลียร์แบล็คเมล์ท้ังศัตรูกับพันธมิตรอย่างไม่เลือกหน้า หรือขู่ว่าจะบอมบ์เมืองหลวงที่สำคัญของโลกท้ังในสหรัฐ ยุโรป รัสเซียเพื่อให้ตายตกไปตามกัน
มีโอกาสที่อิสราเอลจะใช้Samson Optionหรือไม่
“อิสราเอลเตือนว่า หากปฏิบัติการสิงโตผงาดล้มเหลว ทางเลือกสำรองคือปฏิบัติการทางเลือกแซมสัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์โดยตรงต่ออิหร่านและเยเมน และหากจำเป็นอาจจุดระเบิดสกปรกภายในอิสราเอลเองเพื่อการทำลายตนเอง” อเล็กซานเดอร์ ดูกิน นักปรัชญารัสเซียกล่าว
เขาบอกต่อไปว่า ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีของอิสราเอลกำลังข่มขู่ด้วยการโจมตีนิวเคลียร์ต่อเมืองหลวงของยุโรป หากประเทศในสหภาพยุโรปสนับสนุนแนวทางสองรัฐและยอมรับปาเลสไตน์
ในสหรัฐฯ เกิดการแตกแยกอย่างไม่อาจย้อนคืนภายในกลุ่ม MAGA แล้ว โดยผู้สนับสนุนทรัมป์ส่วนใหญ่แสดงการคัดค้านอย่างเปิดเผยต่อการที่สหรัฐฯ เข้าไปมีส่วนในสงครามกับอิหร่านเพื่อสนับสนุนอิสราเอล มีเพียงกลุ่มนีโอคอน เช่น ลินด์ซีย์ เกรแฮมที่ผลักดันให้เกิดสงคราม คนอเมริกันส่วนใหญ่ต่อต้านเรื่องนี้—และครั้งนี้ พวกเขาคัดค้านอย่างรุนแรง แม้แต่อีลอน มัสก์ก็ส่งสัญญาณอย่างละเอียดผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขา ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางหลักของกลุ่ม MAGA ว่าเขาก็ต่อต้านเช่นกัน—แม้ว่าจะยังเป็นการแสดงออกอย่างไม่ตรงไปตรงมา
ในเวลาเดียวกัน ปากีสถานออกแถลงการณ์ว่า หากอิสราเอลโจมตีอิหร่านด้วยอาวุธนิวเคลียร์ อิสลามาบัดจะใช้ตอบโต้อาวุธนิวเคลียร์ของตนเองและโจมตีอิสราเอล ทางด้านซาอุดีอาระเบียได้แสดงการสนับสนุนอิหร่านอย่างเปิดเผย
“ดังนั้น ปฏิบัติการทางเลือกแซมสันอาจถูกนำมาใช้ได้อย่างแท้จริง” ดูกินสรุป
https://x.com/peacemaket71/status/1934198538268745862
By Thanong Khanthong
21/6/2025
https://www.facebook.com/share/p/16UkXzAQbJ/

 

ทรัมป์เตรียมลุยอิหร่านอย่างแน่นอน
Douglas Macgregor อดีตนายทหารที่ปรึกษาของเพนตากอน ออกมายืนยันว่า โดนัลด์ ทรัมป์จะก่อสงครามกับอิหร่านอย่างแน่นอน เพื่อที่จะทำลายท้ังโครงการนิวเคลียร์ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆของอิหร่านไม่ให้ดำรงอยู่ได้ ที่ทรัมป์บอกว่าขอเวลาตัดสินใจสองสัปดาห์ ก็เพื่อจะได้มีเวลาในการขนย้ายอุปกรณ์ทางทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเข้าไปในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทหารอเมริกันประจำการในฐานทัพในบาห์เรนถูกสั่งย้ายออกมาแล้ว ส่วนทหารอเมริกันประจำการในฐานทัพในประเทศอื่นๆในภูมิภาคอยู่ในระหว่างปรับเปลี่ยนกำลัง
แสนยานุภาพของสหรัฐคือกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ไม่ใช่กองทัพบก แต่การทำสงครามกับอิหร่าน ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่เกือบเท่ายุโรปตะวันตกจะเป็นความผิดพลาดคร้ังใหญ่หลวงของสหรัฐ หรือของทรัมป์ เพราะว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะอิหร่านได้ง่ายๆ เพราะว่าอิหร่านเป็นมหาอำนาจของภูมิภาคสงครามอาจจะยืดเยื้อ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะนานเท่าใด แต่มันจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวงสำหรับทุกคน
21/6/2026
https://www.facebook.com/share/p/1G7kTTH3tq/

 

Jun 21, 2025 เตือนรอบใหม่! ฮุนเซนเตือนข้อเสนอฝ่ายค้านไทย หยุดส่งน้ำมันมากัมพูชาเท่ากับทำลายไทยเองถ้าอยากเห็นปตท.ล่มสลาย กัมพูชาพร้อมรับแรงงานกลับ โรงงาน-ฟาร์ม-บริษัทในไทยปิดตัวแน่ เมื่อไม่มีแรงงานกัมพูชา ขู่เลิกนำเข้าอาหาร-เครื่องดื่มกระป๋องจากไทย รณรงค์คนกัมพูชามองระยะยาวเกินปี 2030 อยู่ได้ด้วยตัวเอง มีอิสระทางเศรษฐกิจ

ขเมอร์(เขมร) ไทมส์ (Khmer Times) ซึ่งเป็นสื่อของประเทศกัมพูชา รายงานว่า คืนผ่านมา 20 มิถุนายน 2025 ประธานวุฒิสภา สมเด็จฮุนเซน โพสต์ข้อความด้วยการโต้ตอบอย่างรุนแรงกับข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านในประเทศไทยที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดการส่งออกน้ํามันไปยังกัมพูชา เตือนว่าการกระทําดังกล่าวอาจย้อนกลับและก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมากกับประเทศไทยเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัท ปตท.

ฮุนเซน โพสต์ชี้ให้เห็นว่าข้อเสนอของฝ่ายค้านของไทยเป็นเกมอันตรายที่อาจนําไปสู่การทําลายตัวเอง กัมพูชาจะไม่มีวันยอมคุกเข่าลงจากการเคลื่อนไหวนี้ กัมพูชาจะไม่ล่มสลายเพียงเพราะไม่ได้นําเข้าน้ํามันจากประเทศไทย ในทางตรงกันข้าม อาจเป็นบริษัท ปตท. ของไทยเองที่จะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา ฮุนเซนตั้งคำถามในโพสต์ว่า เป็นความตั้งใจของคุณจริง ๆ หรือไม่ ที่จะเห็นบริษัท ปตท. ของไทยล่มสลาย? ถ้าเป็นเช่นนั้น ดำเนินการได้เลยตามแผนของคุณ

ฮุนเซน ซึ่งดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี ก่อนที่จะเข้ารับตําแหน่งประธานวุฒิสภา กล่าวว่า กัมพูชาเตรียมพร้อมที่จะทนต่อแรงกดดันในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงภัยคุกคามก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การจัดหาไฟฟ้า และแรงงานข้ามชาติ ฮึนเซนชี้ให้เห็นถึงความตึงเครียดในอดีตที่เกี่ยวข้องกับแรงงานชาวกัมพูชาในประเทศไทย โดยกล่าวหาว่าประเทศไทยทำทารุณกรรมและเลือกปฏิบัติต่อแรงงานกัมพูชา

“ไทยใช้คนงานของเราเป็นตัวประกัน และทำการคุกคาม แต่ตอนนี้กัมพูชาประกาศว่า กัมพูชาพร้อมที่จะรับแรงงานของเรากลับมาแล้ว ทัศนคติของคุณก็เปลี่ยนไปแล้ว ทําไม? หากคนงานชาวกัมพูชาออกจากโรงงาน ฟาร์ม บริษัท และสถานที่ก่อสร้างของคุณ ธุรกิจเหล่านี้จํานวนมากจะต้องปิดตัวลงเนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน”(มีต่อหน้า 2/2)

(หน้า 2/2) “ถ้าไทยกล้าจริงๆ และขับไล่คนงานชาวกัมพูชาทั้งหมด แล้วมาดูกันว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างไร ลองทําเช่นเดียวกันกับการหยุดส่งออกน้ํามัน แต่ควรปรึกษากับ ปตท. ก่อน บริษัทอาจล่มสลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากดําเนินการสถานีบริการน้ํามันในกัมพูชา“

ฮุน เซนยังใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดําเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อลดการพึ่งพาการนําเข้าของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากภัยคุกคามดังกล่าวยังคงดําเนินต่อไป โดยโพสต์ต่อไปว่า ในฐานะผู้นําพรรครัฐบาล แนะนําให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาอย่างจริงจังในการเปลี่ยนเส้นทางการนําเข้าสินค้าที่ออกจากประเทศไทย เพื่อที่ไทยจะไม่มีเหตุผลที่จะออกคําขู่ต่อไป

ฮุนเซน โพสต์ต่อไปว่า หากปัญหาชายแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขยังคงมีอยู่ กัมพูชาควรระงับการนําเข้าสินค้าค้าอาหารกระป๋องทั้งหมดจากประเทศไทย รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกําลัง ปลาและเนื้อสัตว์กระป๋อง และแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในท้องถิ่นของกัมพูชา หรือนําเข้าจากประเทศอื่น ๆ

“ชาวกัมพูชาต้องมองไปไกลกว่าพรมแดนของเรา และมองเกินปี 2030” ฮุนเซน สรุปโดยเรียกร้องให้มีวิสัยทัศน์ระยะยาวของความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ และความยืดหยุ่น

#ฮุนเซน #ไทย #กัมพูชา #ปตท #การเมือง #เศรษฐกิจ #น้ำมัน #BTimes

https://www.facebook.com/share/1bLBdaLK5g/

 

Jun 20, 2025 เตรียมพร้อม! คลัง สั่งเกาะติดสงครามอิสราเอล-อิหร่าน สั่งเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ประเมินเม็ดเงิน 1.15 แสนล้าน กระตุ้นจีดีพีเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.4-0.5%

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สศค.ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงกระทบความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ซึ่ง สศค.ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด และได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

โดยขณะนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้สั่งการมาแล้วเพื่อให้เตรียมพิจารณาว่าอาจจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อออกมารองรับสถานการณ์ หากมีการประเมินแล้วพบว่าผลจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะส่งกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งรายละเอียดตอนนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณา และต้องติดตามสถานการณ์ทั้งหมดอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ได้มีการใช้งบกลางไปแล้วในระดับหนึ่ง และยังมีบางส่วนที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงหน่วยงานอื่นที่จะสามารถเข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้กับทางรัฐบาลได้ ก็กำลังดำเนินการกันอยู่

ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นชอบข้อเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้านบาท จากทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งหลัก ๆ จะเป็นโครงการที่จะเข้าไปเสริมเรื่องการลงทุน และอีกส่วนคือเรื่องของการจ้างงาน อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 30% ของเม็ดเงินที่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งประเมินว่าจะช่วยให้เกิดการจ้างงานราว 6-7 ล้านคน และส่วนที่เหลือ จะเป็นเม็ดเงินที่ใช้ในการสนับสนุนการลงทุนด้านต่าง ๆ ซึ่งจะมีผลดีต่อภาคการผลิต

ขณะเดียวกัน ประเมินว่าเม็ดเงิน 1.15 แสนล้านบาทดังกล่าว จะมีส่วนในการช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้ GDP เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.4-0.5% ซึ่งเชื่อว่าจะเพียงพอรองรับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในทุกมิติได้

ส่วนที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ที่อาจมีผลต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นั้น โฆษกกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว อยู่ในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69

Website: https://btimes.biz
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3

#คลัง #สถานการณ์ตะวันออกกลาง #มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ #ลงทุน #BTimes
https://www.facebook.com/share/p/16qGCXqdNM/